วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556

"ทนง โคตรชมพู" ศิลปินที่ยิ่งใหญ่หัวใจเกินร้อย

ทนง โคตรชมพู เป็นศิลปินชาวไทย ศึกษางานศิลปะ และวาดภาพโดยใช้ปาก "ทนง"เป็นชาวตำบลบ้านถ่อน อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย มิได้พิการแต่กำเนิด ทว่าแขนขากลับเริ่มใช้การไม่ได้ตั้งแต่เล็กๆ อายุ 12 ปี เริ่มมีอาการ อายุ 18 ปี ขาทั้งสองข้างหยุดทำงาน อายุ 25 ปี แขนทั้งสองข้างจากไปอย่างถาวร ปัจจุบันร่างกายใช้งานได้เพียง 10 เปอร์เซ็นต์ 


"ทนง" เริ่มศึกษางานศิลปะวาดภาพด้วยปากด้วยตนเองตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 จากนั้นก็สร้างผลงานการใช้ปากวาดภาพมากมาย จนได้รับโล่พระราชทานรางวัล คนพิการตัวอย่าง จากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ปี 2540, รางวัลอันดับ 1 เหรียญทองจากการแสดงศิลปกรรม ปี 2544


"ผมชอบและผูกพันกับศิลปะมาก ตั้งแต่ร่างกายแขนขายังเป็นปกติ ตั้งแต่เรียน ป.1 ครั้งที่เริ่มเรียนวิชาวาดรูป ได้รับคำชมจากครูว่าวาดรูปดี แม้เป็นเพียงคำชมเล็กๆ แต่คำคำนั้นมันยิ่งใหญ่สำหรับเด็กบ้านนอกอย่างผมมาก"


 "ตอนนั้น ครูที่โรงเรียนก็ยังมาขอให้ช่วยวาดรูปเพื่อเป็นสื่อการเรียนการสอนให้เด็ก รุ่นน้อง มีค่าตอบแทนให้ด้วย เป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่สำหรับผม รายได้จากตรงนี้สามารถช่วยจุนเจือครอบครัวยากจนของเราด้วย"


"ครอบครัวเรายากจนก็จริง แต่เรื่องกำลังใจเราไม่เคยขาดแคลนที่จะมีให้กันและกัน  วันหนึ่งแม่ผมออกไปหาเห็ดในป่า เขาเห็นเห็ดดอกหนึ่งขึ้นบนโคนไม้ แทนที่จะเก็บมาเฉพาะเห็ด กลับแบกไม้นั้นมาทั้งท่อนซึ่งหนักมาก กลับมาถึงบ้านเอามาให้ผมแล้วบอกว่า มันสวยอยากให้ผมวาดรูปดอกเห็ดที่ขึ้นบนโคนไม้โคนนี้ ผมฟังแล้วอึ้งมาก ตั้งใจวาดภาพนั้นมากที่สุดในชีวิต ขณะที่วาดคิดอยู่เสมอว่ามีสายตาของแม่มองอยู่ด้วยความชื่นชมและให้กำลังใจ"  (เมื่อพูดจบน้ำตาก็ซึมออกมา)


"เหมือนเคราะห์ซ้ำ เพราะอีกไม่นานหลังจากนั้น แขนที่เคยมีแรงวาดรูปเริ่มมีอาการเดียวกับขา คือไม่มีเรี่ยวแรง จะหยิบจะจับอะไรแต่ละครั้งต้องใช้กำลังมหาศาล และเหนื่อยแทบขาดใจ ไปหาหมอ หมอบอกว่าเป็นโรคเดิม นั่นหมายความว่าเขาจะกลายเป็นคนพิการเต็มรูปแบบทั้งแขนและขาใช้การไม่ได้ ช่วยเหลืออะไรตัวเองไม่ได้เลย"


"แต่เหมือนชะตาลิขิต เพราะค่ำวันหนึ่งผมเผอิญนึกได้ว่าเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง เป็นหนังสือที่รวบรวมเอาความมหัศจรรย์ของโลกเอาไว้ มีเรื่องสั้นๆ เกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่พิการเหมือนผม แต่เขาพยายามวาดรูปโดยใช้ปาก"


"รู้สึกท้ออย่างมาก แต่ก็นึกถึงแววตาของแม่แล้วทำให้ผมมีแรงอึดขึ้นมาทุกครั้ง คืนนั้นทั้งคืนพยายามหาวิธีอยู่ว่าทำอย่างไรให้เอาปากคาบพู่กันวาดรูปให้ได้ กระทั่งลองเอาลิ้นดุนด้ามพู่กันให้ไปอยู่ในตำแหน่งตรงกับฟันกรามแล้วลองพยัก หน้าขึ้นลงเพื่อลากเส้น ปรากฏว่าใช้แรงน้อยลงมาก ไม่ต้องเกร็งปากและขากรรไกรมากด้วย ลองฝึกไปฝึกมา แล้วก็ดีใจว่า ถึงแขนและขาจะไม่มีแรง แต่ยังไงก็วาดรูปได้แน่นอน"


"แม่ร้องไห้ เพราะดีใจที่ผมตัดสินใจที่จะสู้ หลังจากนั้นเขาหายไปพักหนึ่งแล้วกลับมาพร้อมกับไม้ไผ่เหลามาเกลี้ยงเกลา แล้วเอาพู่กันผูก เป็นไม้ด้ามยาวๆ ให้ผมคาบเพื่อให้วาดรูปได้สะดวกขึ้น ผมลองเอาพู่กันที่แม่ประดิษฐ์ให้มาคาบไว้ในปาก แล้ววาด วาด วาด รสหวานจากไม้ไผ่สดๆ กำซาบสู่สิ้น เหมือนรสความเป็นห่วงความรักที่แม่มีต่อผม วินาทีนั้นผมคิดว่า ต่อให้อุปสรรคมากแค่ไหน เพื่อแม่ผมจะผ่านมันไปให้ได้"


"ชีวิตตอนนี้ของผม มีแม่ มีน้องและหลานๆ คอยดูแล พวกเราพยายามทำอะไรให้เป็นเวลา ทำพร้อมกัน เช่น กินข้าว ถ้าวันนี้ไปไหนกับหลาน หลานกินคำ ผมกินคำ สลับกัน พวกเราปรับตัวร่วมกันมานานพอสมควร แต่อะไรที่ทำได้ หรือพอจะอดทนได้ไม่รบกวนกันมากเกินไป ผมก็พยายามที่จะทนและทำเอง"  ( ที่มา Nation Channel)


ปัจจุบัน ด้วยวัย 47 ปี  ร่างกายทุกส่วนของ ทนง โคตรชมพู เริ่มไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว กำลังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลท่าบ่อ ขอให้อาจารย์ ทนง หายวันหายคืน จะได้กลับมาวาดภาพที่ตัวเองรัก และเป็นตัวอย่างให้กับคนที่กำลังท้อถอยในชีวิตและกำลังสิ้นหวัง ให้มีกำลังใจกลับมาสู้ชีวิตได้อีกต่อไป.

อภิชาติ แสงรุ่ง ข่าว NC News รายงาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น