วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

หนองคาย - เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมความงามของทะเลหมอก แหล่งท่องเที่ยวบนภูเขาสูง ที่วัดผาตากเสื้อ อ.สังคม

         วันนี้ (30 พ.ย. 58) ที่ วัดผาตากเสื้อ ต.ผาตั้ง อ.สังคม จ.หนองคาย เป็นวัดที่มีทิวทัศน์สวยงาม สูงจากระดับน้ำทะเล 550 เมตร เมื่อเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว จะมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปชมความงามของทะเลหมอก ที่วัดผาตากเสื้อ ในระหว่างช่วงเช้าเวลา 06.00 น ไปจนถึง 08.00 น. ซึ่งวัดผาตากเสื้อมีธรรมชาติที่สมบูรณ์ เป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของ จ.หนองคาย

       จากจุดชมวิว หากมองไปทางซ้ายมือจะมองเห็นทะเลหมอกเคลื่อนออกมาจากในหุบเขาช้าๆ และค่อยๆ เริ่มปกคลุมหมู่บ้านที่อยู่ด้านล่าง เคลื่อนไปตามแม่น้ำโขงและเริ่มปกคลุมเกาะกลางแม่น้ำโขง ที่มีลักษณะคล้ายแยกเป็นรูป Y  ซึ่งทะเลหมอกได้ปกคลุมจนไม่สามารถมองเห็นเกาะกลางน้ำได้ และไม่สามารถมองเห็นประเทศเพื่อนบ้านได้เช่นกัน ทำให้ช่วงฤดูหนาวนี้นักท่องเที่ยวสามารถชมทะเลหมอกที่วัดผาตากเสื้อได้อย่างสวยงาม ไม่แพ้ภูห้วยอิสัน และภูผาตัก ที่ตำบลบ้านม่วง อ.สังคม

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

หนองคาย - ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย นำทีมซ้อมใหญ่กิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติฯ ปั่นเพื่อพ่อ BIKE FOR DAD

       วันที่ 29 พ.ย. 58 เวลา 15.00น. นายสุชาติ  นพวรรณ  ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย นำนักปั่นจักรยาน หัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน เยาวชน และผู้สูงอายุรวมกว่า 819 คน ร่วมซักซ้อมขบวนจักรยาน ปั่นจากบริเวณลานเฉลิมพระเกียรติฯ (ลานน้ำพุพญานาค ศาลากลางหลังเก่า ) อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ผ่านสถานที่สำคัญ 9 จุด 

       จุดที่ 1 อนุสาวรีย์ปราบฮ่อ  ผ่านซุ้มพญานาค เลี้ยงซ้ายไปตามถนนหนองคาย-โพนพิสัย ผ่านสถานที่สำคัญจุดที่ 2 วัดทุ่งสว่าง ตรงไปผ่านสถานที่สำคัญที่ 3 วัดโพธิ์ชัย ตรงไปผ่านตรวจภูธรจังหวัด วกกลับบริเวณหน้า ตชด.245 ผ่านสถานที่สำคัญจุดที่ 4 วัดเนินพระเนาว์  ผ่านสี่แยกซุ้มพญานาค ผ่านสามแยกสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ผ่านสถานที่สำคัญจุดที่ 5 วัดจันทร์สามัคคี ผ่านสามแยกมหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย (สามแยกการเคหะฯ) เลี้ยวซ้ายตามเส้นทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 233 ผ่านสถานที่สำคัญจุดที่ 6 วัดพระธาตุราษฎร์บำรุง ผ่านสถานที่สำคัญจุดที่ 7 ศาลหลักเมือง ผ่านสถานที่สำคัญจุดที่ 8 ศาลากลางจังหวัด  (หลังใหม่) และตรงไปสิ้นสุด ณ สถานที่สำคัญจุดที่ 9 ศาลากลางจังหวัด (หลังเก่า) รวมระยะทาง 29.00 กิโลเมตร  จังหวัดหนองคายมีนักปั่นร่วมลงทะเบียนจำนวน 5,280 คน

หนองคาย - เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากร ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวบ 2 หนุ่มใหญ่ ซุกยาบ้าในเป้ากางเกง และในทวารหนัก สารภาพซื้อมาจากชาวลาว ในราคา 18,000 เม็ด พึ่งทำเป็นครั้งแรก

       วันที่ 28 พ.ย. 58 ที่ ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว อ.เมืองหนองคาย นายรัชพล อ่อนนิ่ม หัวหน้าฝ่ายควบคุมทางศุลกากรหนองคาย รักษาการนายด่านศุลกากรหนองคาย นายสมบัติ  ฆ้อนทอง ฝปป.ด่านศุลกากรหนองคาย ร่วมกับชุดสกัดกั้นยาเสพติดประจำด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ได้ร่วมกันจับกุม นายทองสุข   อายุ  30 ปี ,นายสันติ   เถาอินทร์ปาก  อายุ 38  ปี ทั้งสองเป็นชาว อ.โกสุมพิสัย จงมหาสารคาม พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 397 เม็ด บรรจุในถุงพลาสติกสีฟ้า พันด้วยเทปกาวสีดำที่ซุกซ่อนมาในเป้ากางเกงด้านหน้า และซุกซ่อนมาในทวารหนัก
       การจับกุมครั้งนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตามปกติ  ได้ตรวจรถยนต์ที่ผ่านช่องทางตรวจรถยนต์(A6) พบทั้งสองนั่งมาในรถมีพิรุธอาการตกใจ จึงได้เรียกตรวจ พบวัตถุต้องสงสัยบริเวณเป้ากางเกงด้านหน้า ของนายทองสุขฯ จึงได้ตรวจสอบพบเป็นยาบ้าจำนวน  1 ห่อ บรรจุในถุงพลาสติกพันด้วยเทปกาวดำ  และได้นำตัวนายทองสุขฯ เข้าตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์ พบก้อนวัสดุต้องสงสัย 1 ห่อ ที่ในทวารหนัก จึงให้ขับถ่ายออกมา พบเป็นยาบ้า จำนวน 197 เม็ด
       จากการสอบสวนเบื้องต้น  ทั้งสองให้การรับสารภาพว่า ได้ข้ามไปซื้อยาบ้ากับผู้หญิงลาว ชื่อ นางน้อย (ไม่ทราบนามสกุล) ที่บริเวณตลาดเช้านครหลวงเวียงจันทน์ ในราคา 18,000 บาท เพื่อจะนำไปจำหน่ายในพื้นที่บ้านตนเอง  จากนั้นจึงพากันข้ามกลับมาแต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ และพึ่งทำเป็นครั้งแรก
       เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา นำยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย จากนั้นจึงคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

หนองคาย - พนักงานสอบสวน สภ.ท่าบ่อ เรียกเจ้าของร้านขายของชำไฟไหม้ให้ปากคำเพิ่มเติม

พนักงานสอบสวน สภ.ท่าบ่อ เรียกเจ้าของร้านขายของชำไฟไหม้ให้ปากคำเพิ่มเติมเพื่อเมินความเสียหาย โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดหนองคาย ยังไม่สรุปสาเหตุว่าเกิดจากวางเพลิงหรือไฟฟ้ารัดวงจร ทราบว่ามีเหตุไฟไหม้และมีการขโมยของในร้าน
     วันนี้ (27 พ.ย. 58)  กรณีได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ร้านขายของชำ หน้า สนง.เทศบาลเมืองท่าบ่อ จ.หนองคาย ฝั่งตรงข้ามศูนย์เด็กเล็ก โดยไฟลุกไหม้ภายในร้าน และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของทศบาลเมืองท่าบ่อ และกู้ภัยประจักษ์ จุดท่าบ่อ ได้ระดมกำลังเข้าฉีดน้ำจนกระทั้งไฟสงบ ตรวจสอบมีการถูกตัดห่วงคล้องกุญแจหลังร้านและข้าวของบางส่วนภายในร้านได้หายไป
       วันนี้  ร.ต.ท.ไพฑูรย์ ชั้นเสมา พนักงานสอบสวน สภ.ท่าบ่อ ได้เรียกนางธัยนัน  พัชระภูสิทธิ์สกุล เจ้าของร้านขายของชำที่ถูกไฟไหม้เมื่อคืนวันที่ 26 พ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อทำการสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อประเมินความเสียหาย โดยก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจสอบไฟไหม้บริเวณร้านขายของชำดังกล่าวมาแล้ว แต่ยังไม่มีข้อสรุปความเสียหาย เบื้องต้นตรวจสอบมีตู้เย็น หม้อหุงข้าว เตาไมโครเวฟ เครื่องอบไฟฟ้า ข้าวของเครื่องใช้และของที่จะนำมาขายถูกไฟไหม้ไปบางส่วน  ส่วนของที่หายมีน้ำมันเบนซิน 5 ลิตร เศษเหรียญและแบงก์ยี่สิบประมาณ 200 บาท บัตรเติมเงิน 500 บาท บุหรี่ 3 ห่อราคากว่า 1,500 บาท และนกขุนทองอีก 1 ตัว
       ในขณะที่เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.หนองคาย ได้ลงพื้นที่ตรวจพื้นที่ถูกไฟไหม้ร้านขายของชำ เบื้องต้นยังไม่สรุปสาเหตุว่าเกิดจากการวางเพลิงหรือเกิดจากไฟฟ้ารัดวงจร ทราบแต่เพียงว่ามีเหตุไฟไหม้และมีเหตุขโมยของในร้าน ซึ่งยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม.

                       

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

หนองคาย - เกิดเหตุไฟไหม้ร้านขายของชำหน้าเทศบาลเมืองท่าบ่อ ซึ่งเจ้าของร้านคาดว่ามีคนมาวางเพลิง เพราะนกที่เลี้ยงไว้ในร้านได้หายไป ตรวจสอบมีล่องรอยถูกตัดประตูเหล็กหลังร้าน และน้ำมันที่เตรียมไว้ขายได้หายไปด้วย

             เมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 26 พ.ย. 58  ร.ต.ท.ไพฑูรย์ ชั้นเสมา พนักงานสอบสวน สภ.ท่าบ่อ ได้รับแจ้งมีเหตุไฟไหม้ร้านขายของชำ หน้าเทศบาลเมืองท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย หลังรับแจ้งจึงรุดไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยประจักษ์ จุดท่าบ่อ ที่เกิดเหตุได้พบรถดับเพลิงของเทศบาลเมืองท่าบ่อ จำนวน 2 คัน กำลังดับเพลิงที่ลุกไหม้ร้านขายของชำ ไม่มีเลขที่ อยู่หน้าเทศบาลเมืองท่าบ่อ ฝั่งตรงข้ามศูนย์เด็กเล็ก เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัยประจักษ์ได้ช่วยกันระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงถึง 15 นาทีเพลิงจึงสงบ
       จากการสอบถาม นางธัยนัน  พัชระภูสิทธิ์สกุล อายุ 53 ปี เจ้าของร้านขายของชำ บอกว่า ขณะเกิดเหตุตนกลับบ้าน ส่วนร้านขายของชำนั้นไม่มีใครอยู่และได้ปิดร้านเอาไว้ ทราบว่าได้เกิดเพลิงไหม้จึงได้รีบมาดู  ยังดีรถดับเพลิงอยู่ใกล้จึงช่วยกันดับไฟได้อย่างรวดเร็ว ข้าวของเสียหายไม่มาก เบื้องต้นให้รอพิสูจน์หลักฐานจังหวัดหนองคาย ว่าสาเหตุจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรหรือไม่
       จากการสอบถาม นางธัยนัน  พัชระภูสิทธิ์สกุล อายุ 53 ปี เจ้าของร้านขายของชำ บอกว่า ขณะเกิดเหตุตนกลับบ้าน ส่วนร้านขายของชำนั้นไม่มีใครอยู่และได้ปิดร้านเอาไว้ ทราบว่าได้เกิดเพลิงไหม้จึงได้รีบมาดู  ยังดีรถดับเพลิงอยู่ใกล้จึงช่วยกันดับไฟได้อย่างรวดเร็ว ข้าวของเสียหายไม่มาก เบื้องต้นให้รอพิสูจน์หลักฐานจังหวัดหนองคาย ว่าสาเหตุจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรหรือไม่
       นางธัยนัน ได้บอกอีกว่า หลังจากเจ้าหน้าที่กลับ ตนและครอบครัวก็ออกตามหานกขุนทองที่คิดว่าคงถูกไฟครอกตายไปแล้ว เมื่อตรวจสอบไม่เห็นกรงนกที่แขวนไว้ใกล้ตู้เย็น แต่กลับไปเห็นวางไว้หลังร้าน มีแต่กรงไม่มีนกขุนทองที่เลี้ยงไว้  ตนจึงเอะใจก็เลยตรวจสอบอย่างระเอียดอีกครั้ง พบมีรอยตัดห่วงคล้องกุญแจที่ประตูเหล็กหลังร้าน และน้ำมันที่เตรียมไว้ขายได้หายไป 2 ขวดใหญ่ และ 4 ขวดเล็ก รวม 4 ลิตร และไปพบขวดน้ำมันอยู่ใกล้ๆ กับกรงนก และพบฝาปิดขวดน้ำมันที่ริมถนนห่างจากที่พบขวดน้ำมันประมาณ 10 เมตร คาดว่าหัวขโมยคงจะมาขโมยนกขุนทองที่ตนเลี้ยงและขโมยน้ำมันไปเติมรถ ก่อนจุดไฟเผาร้าน และนกขุนทองตัวที่หายไปจะพูดเก่งมาก เวลาแขกมาซื้อของที่ร้านก็จะพูดว่า “รับอะไรดีครับ” ท่าใครคุยเสียงดังจะพูดว่า “รำคาน ออกไปเลย”  ใครมาเห็นก็จะชื่นชมอบและคิดว่าต้องมีคำสั่งให้มาขโมยเพราะนกขุนทองท่าพูดได้จะมีราคาแพง เมื่อเห็นว่าเกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวตนจึงแจ้งให้พนักงานสอบสวนมาตรวจสอบอีกครั้ง
       หลังจากการตรวจสอบรอบสอง ร.ต.ท.ไพฑูรย์ ชั้นเสมา พนักงานสอบสวน สภ.ท่าบ่อ ได้ทำการถ่ายภาพและเก็บรายละเอียดทุกขั้นตอน และได้กล่าวว่า ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ว่าหัวขโมยเข้ามาขโมยนกก่อนหน้าที่ไฟจะไหม้รึเปล่า หรือจะเป็นการวางเพลิงของหัวขโมย อย่างไรก็ตามก็ต้องรอพิสูจน์หลักฐานจังหวัดหนองคาย มาพิสูจน์ข้อเท็จจริงอีกครั้ง. 

หนองคาย - สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย จัดสัมมนาเครือข่ายประชาสัมพันธ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์

       วันนี้ (26 พ.ย. 58) ที่ โรงแรมหนองคายไวท์ โฮเทล อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย จัดสัมมนาเครือข่ายประชาสัมพันธ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามโครงการประชาสัมพันธ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ กรมประชาสัมพันธ์ ประจำปีงบประมาณ 2559 โดยมี นายสุชาติ  นพวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานเปิดการสัมมนา พร้อมทั้งชี้แจงกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 88 พรรษา 5 ธันวาคม  2558 (ปั่นเพื่อพ่อ BIKE FOR DAD)  นอกจากนี้ นายธีระพงษ์  โสดาศรี อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ คนที่ 36 เป็นวิทยากรบรรยาย เรื่อง ประวัติศาสตร์ชาติไทยและบุญคุณของพระมหากษัตริย์ และการใช้คำราชาศัพท์ที่สื่อมวลชนมักใช้ผิด
       ทั้งนี้ เพื่อเผยแพร่พระราชประวัติพระมหากษัตริย์ไทย พระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ให้เป็นที่ปรากฏแก่ประชาชน เพื่อให้รับรู้ ตระหนัก และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงอุทิศตนและทรงงานหนักอย่างต่อเนื่องเพื่อประชาชน และประเทศชาติ และยังเป็นการแนะนำการใช้คำราชาศัพท์ที่ถูกต้องสำหรับสื่อมวลชนด้วย โดยเฉพาะการประชาสัมพันธ์กิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 88 พรรษา 5 ธันวาคม  2558 (ปั่นเพื่อพ่อ BIKE FOR DAD)  โดยกลุ่มเป้าหมายมี สื่อมวลชน อาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้านและชุมชน (อป.มช.) และบุคลากรภาครัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของหน่วยงาน ร่วมสัมมนาจำนวน 60 คน.

หนองคาย - เทศบาลเมืองท่าบ่อ จัดงานประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2558 ส่งเสริม อนุรักษ์ไว้ซึ่งขนบธรรมเนียม ประเพณีอันดีงาม มีการนางนพมาศและการประกวดกระทงสวยงาม จากชุมชนในเขตเทศบาลเมืองท่าบ่อ

       ค่ำวันที่ 25 พ.ย. 58 ที่ สนามเอนกประสงค์เทศบาลเมืองท่าบ่อ จ.หนองคาย นายประภาส นครภักดี นายกเทศมนตรีเมืองท่าบ่อ พร้อมด้วยรองนายกเทศมนตรี สมาชิกสภาเทศบาล ข้าราชการ เจ้าหน้าที่เทศบาลฯ ร่วมเปิดงานประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2558 โดยมี ดร.พัฒนธรณ์  กีรติรัฐวัฒน์ นายอำเภอท่าบ่อ เป็นประธานพิธีเปิดงาน เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์ไว้ซึ่งขนบธรรมเนียม ประเพณีอันดีงามให้คงอยู่สืบไป
       โดยเทศบาลเมืองท่าบ่อ ได้จัดสถานที่ลอยกระทงให้กับประชาชนที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บริเวณหลังสำนักงานเทศบาลฯ มีการจัดประกวดกระทงสวยงาม จากชุมชนในเขตเทศบาลเมืองท่าบ่อ ทั้ง 19 ชุมชน และกระทงจากศูนย์วัฒนธรรมอำเภอท่าบ่อ อีก 1 ขบวน และการประกวดนางนพมาศ ซึ่งในปีนี้ได้มีสาวงามจากตัวแทนชุมชนต่างๆ สมัครเข้ามาประกวดนางนพมาศ จำนวน 7 คน ทำให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องตัดสินใจกันลำบากมากเพราะสาวงามแต่ละคนหน้าตาสดสวยกันทุกคน
       ผลการตัดสินของคณะกรรมการ รางวัลขวัญใจประชาชน โดยนางสาวเสาวลักษณ์  ปัสสาวาสังข์ คว้าตำแหน่งไปครอง ได้รับถ้วยเกียรติยศ สายสะพาย และเงินสดสองพันบาท ส่วนนางนพมาศประจำปี 2558 ได้แก่ นางสาวจรินทร์ทิพย์  สายยวง จากชุมชนประตูเมือง ได้รับถ้วยเกียรติยศ สายสะพาย และเงินสดห้าพันบาท ส่วนรองอันดับ 1.ได้แก่ นางสาวอรุณี โพธินี ได้รับถ้วยเกียรติยศและเงินสดสี่พันบาท  รองอันดับ 2.ได้แก่ นางสาวภัทรวดี  ชาวชายโขง ได้รับถ้วยเกียรติยศและเงินสดสามพันบาท  รองอันดับ 3.ได้แก่นางสาวประภัสสร  บทมาตย์  ได้รับถ้วยเกียรติยศและเงินสดสองพันบาท.

หนองคาย - เทศบาลตำบลศรีเชียงใหม่ จัดงานประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2558 มีการประกวดกระทงใหญ่ นางนพมาศ หนูน้องนพมาศ และการประกวดร้องเพลงของประชาชนในชุมชน ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป

       ค่ำวันที่ 25 พ.ย. 58 ที่ ริมฝั่งแม่น้ำโขงหน้าวัดช้างเผือก เทศบาลตำบลศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย นายพรชัย ปุริวัฒน์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลศรีเชียงใหม่ พร้อมด้วยรองนายกเทศมนตรี สมาชิกสภาเทศบาล ข้าราชการ เจ้าหน้าที่เทศบาลฯ ร่วมเปิดงานประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2558 เหมือนทุกปีที่ผ่านมา โดยมี นายปราโมทย์ สุธาภรณ์ รองปลัดเทศบาลตำบลศรีเชียงใหม่ เป็นผู้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงาน มีประชาชนในเทศบาลฯ และพื้นที่ใกล้เคียงต่างเดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก มีทั้งมาแบบครอบครัว คู่รัก เพื่อนฝูงมาร่วมลอยกระทง
       ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมรักษาไว้ซึ่งประเพณีลอยกระทง  เพื่อเผยแพร่อนุรักษ์ไว้ซึ่งกิจกรรมงานประเพณีลอยกระทง ให้อรุชนคนรุ่นหลังได้สืบทอดต่อไป เพื่อเสริมสร้างความรักสามัคคีของคนในชุมชน รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวของชาวอำเภอศรีเชียงใหม่และท้องถิ่น
       นอกจากนี้ ยังได้จัดกิจกรรมหลายอย่าง  มีการประกวดกระทงใหญ่ของชุมชนในเขตเทศบาลฯ ทั่ง 8 ชุมชน การประกวดนางนพมาศ การประกวดหนูน้อยนพมาศ และการประกวดร้องเพลงของประชาชนในชุมชน ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ชิงเงินรางวัลและถ้วยรางวัลมากมาย
       นายพรชัย ปุริวัฒน์ กล่าวว่า ประเพณีลอยกระทงซึ่งทางเทศบาลตำบลศรีเชียงใหม่ได้จัดขึ้นทุกปี เพราะได้เล็งเห็นความสำคัญของประเพณีลอยกระทง  ซึ่งเป็นประเพณีอันดีงามของชาวไทย อันเป็นวัฒนธรรมที่ยึดถือกันมาแต่ครั้งโบราณกาล เป็นการแสดงความสำนึกถึงบุญคุณของแม่น้ำที่เราได้อาศัย โดยการนำกระทงที่ตกแต่งกันสวยงามมาลอยอธิษฐานกล่าวสักการบูชา ขอขมาต่อพระแม่คงคาให้สิ่งไม่ดีลอยไปกับสายน้ำตามความเชื่อที่มีมา รวมทั้งเป็นการส่งเสริมงานฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ในการประกวดกระทง รักษาภูมิปัญญาพื้นบ้านไว้อีกด้วย.