วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557

หนองคาย - ชาวบ้านกว่า 150 คน ขับไล่ผู้ใหญ่บ้านที่ทำงานร่วมกับชาวบ้านไม่ได้ ติดการพนันและทุจริตเงินกองทุน กว่า 700,000 บาท ทำหนังสือร้องเรียนไปทางอำเภอแล้วแต่ไม่คืบหน้า


     ชาวบ้าน บ้านนาคำมูล ม.6 ต.นาทับไฮ อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย จำนวนกว่า 150 คน นำโดยนายสุวรรณ  แก้วพิลา  อายุ 70 ปี ,นางสุบิน  แก้วพิลา อายุ 58 และมี พระครูคำตัน  กตคุโน เจ้าอาวาสวัดใหม่อัมพวัน ร่วมให้ข้อมูลและนัดรวมตัวกันที่บริเวณศาลาการเปรียญวัดใหม่อัมพวันบ้านนาคำมูล ฯ  เพื่อประท้วงขับไล่ นายทวีศักดิ์  นาคเพชร อายุ 48 ปี ผู้ใหญ่บ้าน บ้านนาคำมูล และเป็นประธานกองทุนร้านค้าชุมชน
     โดยชาวบ้านกล่าวหาว่า นายทวีศักดิ์ ฯ มีพฤติกรรมทำงานร่วมกับชาวบ้านไม่ได้ ติดการพนัน (ไฮโล) และทุจริตเงินกองทุน โครงการร้านค้าชุมชน ปุ๋ย สำหรับจำหน่ายแก่เกษตรกร จำนวน 500,000 บาท กองทุนโครงการเกษตรสวนครัว ที่ได้รับการสนับสนุนจาก อบต.นาทับไฮ และสะสมมา จำนวน 75,000 บาท เงินซึ่งจะนำมาซ่อมแซมศาลาการเปรียญวัด จำนวน 500,000 บาท และขายข้าวจากฉางข้าวหมู่บ้านจนหมดฉางอีกเงินจำนวนหนึ่ง เงินจับปลาสระน้ำสาธารณะ 5,000 บาท ตัดไม้กระบาก ไม้ยาง ในที่สาธารณะไปขาย 4,500 บาท ,เงินผ้าป่า 19,000 บาท และเงินอื่น ๆ ที่เป็นส่วนรวม ก็ถูกผู้ใหญ่บ้านทุจริตเอาไปทั้งหมด เมื่อคณะกรรมหมู่บ้านเข้าทำการตรวจสอบและทวงถามถึงเงินกองทุนต่างๆ ก็ถูกนายทวีศักดิ์ ฯ ผู้ใหญ่บ้าน ด่าทุกครั้ง ชาวบ้านทนต่อพฤติกรรมไม่ได้จึงรวมตัวกันและมีมติยืนยันให้นายทวีศักดิ์  นาคเพชร แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกจากการเป็นผู้ใหญ่บ้านและประธานกองทุนฯ
     ซึ่งการรวมตัวของชาวบ้านเพื่อขับไล่นายทวีศักดิ์ ฯ นั้น ทางด้านนายทวีศักดิ์ ฯ ไม่ได้เดินทางมาชี้แจ้งข้อกล่าวหาให้กับชาวบ้านแต่อย่างใด และจากการเดินทางไปที่บ้านก็ไม่พบผู้ใด บ้านก็ปิดเงียบ


     ทางด้าน นางสุบิน แก้วพิลา อายุ 58 ปี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า พวกตนและชาวบ้านทนต่อพฤติกรรมของ ผู้ใหญ่บ้านคนนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว จึงรวมตัวกันร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน เนื่องจากเคยร้องไปที่อำเภอรัตนวาปี และจังหวัด เมื่อหลายเดือนแต่ก็ไม่มีความคืบหน้า พวกตนเป็นคนเลือกเขาเข้ามา เมื่อเข้ามาแล้วกลับทำงานเข้ากับชาวบ้านไม่ได้ ไม่พัฒนา ทุจริต ติดการพนัน (ไฮโล) จึงอยากเรียกร้องให้ นายทวีศักดิ์  ฯ ลาออกจากการเป็นผู้ใหญ่บ้าน พวกตนจะได้เลือกคนใหม่เข้ามาพัฒนาหมู่บ้านต่อไป  จากนั้นชาวบ้านจึงได้กันแยกย้ายกันกลับ.

หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ บ้านวังมน อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต ลดพื้นที่ปลูกยางพาราและไร่เลื่อนลอยเพื่อลดรายจ่าย หันมาปลูกพืชผักพื้นบ้านทดแทนในการสร้างรายได้


     ที่บ้านวังมน หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านม่วง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย เป็นหมู่บ้านที่มีสภาพลักษณะพื้นที่เป็นภูเขาสูงชันหาที่ราบลุ่มได้น้อยมาก ชาวบ้านทุกครัวเรือน ใช้พื้นที่ราบลุ่มเชิงเขาเป็นแหล่งปลูกพืช ทำไร่ทำสวน นายแสง เหลืองาม ผู้ใหญ่บ้านฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านที่บ้านวังมนส่วนใหญ่มีอาชีพทางการเกษตร สมัยก่อนทำไร่เลื่อนลอยลองผิดลองถูก และปลูกยางพาราก็ราคาตกต่ำต้นทุนสูง  ตนเองและชาวบ้านจึงได้น้อมนำเอาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยปลูกพืชผักสวนครัวรั้วกินได้มาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต  เน้นการพึ่งตนเองนำสิ่งที่มีอยู่ใช้ชุมชน
     ด้วยการนำชาวบ้านลดพื้นที่ปลูกสวนยางพารา อีกทั้งต้องการลดต้นทุนการซื้อปุ๋ยสวนยางพาราที่มีราคาแพง ขายก็ราคาตกต่ำ และลดการปลูกพืชสวนพืชไร่ที่ไห้ผลผลิตนานกว่า หันมาปลูกพืชผักสวนครัวพื้นบ้านทดแทนซึ่งได้ผลผลิตเร็ว และต้นทุนน้อย หาง่าย ปลูกง่ายได้ผลผลิตตลอดทั้งปี  ได้แก่ ข่า ตะไคร้ ใบตองกล้วย หน่อไม้  ฝักทอง มะละกอ พริก มะเขือเทศ และส้มโอ เป็นต้น เป็นพืชที่สามารถนำมาบริโภคและจำหน่ายสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านบ้านวังมน ซึ่งจะปลูกทุกหลังคาเรือน ปลูกง่ายและใช้ระยะไม่นานก็สามารถเก็บผลผลิตจำหน่ายได้


    สำหรับข่า ตะไคร้ และใบตองกล้วย เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญทำรายได้ให้แก่ชาวบ้านวังมน ถือว่าเป็นหมู่บ้านครัวอีสานก็ว่าได้ เพราะแต่ละวันจะมีพ่อค้าแม่ค้าทั้งในจังหวัดหนองคายและต่างจังหวัด  มารับซื้อถึงที่เพื่อนำไปขายส่งและขายปลีกยังตลาด โดยวิธีการจะแพ็คเป็นถุง ข่าถุง ๆ ละ 10 กก. ราคา 250  บาท ตะไคร้ 10 กก. ราคา 60 บาท และใบตองจะทำเป็นมัด ๆ ละ 12 บาท สำหรับใบตองกล้วยจะขายได้ 70-100 มัด/ครอบครัว ซึ่งส่วนใหญ่ครอบครัว ๆ หนึ่งจะมีรายได้เฉลี่ยวันละ 1,000 บาท ส่วนพืชชนิดอื่น ๆ จะขายผสมผสานตามฤดูกาล ทำให้ชาวบ้านบ้านวังมนพออยู่พอกินและอยู่ดีมีสุข เป็นชุมชนเข้มแข็ง  เพราะนำเอาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ด้วยการสร้างรายได้จากการพึ่งพาพืชผักสวนครัวที่มีอยู่ในชุมชนของตนเอง  จนได้คัดเลือกเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ประเภทดีเด่นประจำปี 2557  ตามโครงการชุมชนเข้มแข็งด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยเบื้องยุคลบาท.














 


วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

รองประธานกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์จังหวัดหนองคาย มอบอุปกรณ์การเรียนพระราชทานจากมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูประถัมภ์ แก่นักเรียน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 27 หนองคาย


     วันนี้ (29 ก.ย. 57) ที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 27 อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย นายสุชาติ นพวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ในฐานะรองประธานกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ประจำจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธีมอบอุปกรณ์การเรียนพระราชทานจากมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ แก่นักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 27 จังหวัดหนองคาย จำนวน 1,066  คน โดยมีนายทวีศักดิ์  ตั้งอารีอรุณ ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 27  คณะครูและนักเรียนให้การต้อนรับ

     สำหรับโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 27 จังหวัดหนองคาย ได้ดำเนินการจัดการศึกษาด้วยระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม จากโรงเรียนวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มาเป็นเวลา 11 ปี ได้จัดใช้เป็นสื่อการสอน ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ครบ 12 ชั้น ถือเป็นการสนองการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ และสนองการปฏิรูปการศึกษา ตามกระบวนการปฏิรูปการเรียนรู้ สนองพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการขจัดภัยความไม่รู้หนังสือให้แก่ปวงชนชาวไทย.





หนองคาย - กิ่งกาชาดอำเภอท่าบ่อ จัดโครงการประชาสัมพันธ์การบริจาคโลหิต บริจาคดวงตา และบริจาคอวัยวะ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี


     วันนี้ (29 ก.ย. 57) ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย นายอนุรัฐ ไทยตรง นายอำเภอท่าบ่อ เป็นประธานเปิดโครงการประชาสัมพันธ์การบริจาคโลหิต บริจาคดวงตา และบริจาคอวัยวะ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยได้เปิดบริการรับลงทะเบียนผู้ประสงค์บริจาคโลหิต บริจาคดวงตา และบริจาคอวัยวะ มีการบรรยายธรรมในหัวข้อ “อานิสงส์ และผลบุญของการบริจาคอวัยวะ” จากพระใบฎีกาชัยพิพัฒน์ อุชุจาโร เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดหนองคาย (ธ) เจ้าอาวาสวัดนาโพธิ์ และการบรรยายหัวข้อ “การดำเนินงานโครงการจัดหาและการบริจาคโลหิต บริจาคดวงตา และบริจาคอวัยวะ เฉลิมพระเกียรติ” โดย นางรพีพรรณ โสภาเวทย์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลหนองคาย

     นางนิลวรรณ ทาบึงกาญจน์ รองนายกกิ่งกาชาดอำเภอท่าบ่อ กล่าวว่า ด้วยในปี 2558 เป็นโอกาสมหามงคลที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ทรงเจริญพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 ดังนั้น เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ และให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะ ดวงตา และโลหิต ตลอดจนเป็นการดำเนินการตามแนวทางของสภากาชาดไทย ที่กำหนดให้เหล่ากาชาดจังหวัด สำนักงานกิ่งกาชาดอำเภอ สนับสนุนการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนบริจาคดวงตา และบริจาคอวัยวะด้วยความสมัครใจ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

    นางนิลวรรณ กล่าวอีกว่า การจัดโครงการดังกล่าว ยังเป็นการรณรงค์และเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจให้แก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประธานชุมชน และ อสม. ให้มีทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการบริจาคโลหิต บริจาคดวงตา และบริจาคอวัยวะ และเป็นแกนนำในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ได้เข้าใจ และกระตุ้นให้มีการบริจาคดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น และเปิดให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และร่วมกันเสนอแนะ เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาการดำเนินงานการประชาสัมพันธ์การบริจาคโลหิต บริจาคดวงตา และบริจาคอวัยวะ ให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งปัญหา อุปสรรค ในการดำเนินงานที่ผ่านมา.










หนองคาย - ตำรวจ สภ.ศรีเชียงใหม่ สนธิกำลังฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ สกัดจับหนุ่มสกลนคร กำลังขับรถขนไม้ชิงชันเหลี่ยม 23 ท่อน มูลค่ากว่า 5 แสนบาท ข้ามโขงไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ผู้ต้องหาสารภาพรับจ้างขน 5,000 บาท


      เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 28 ก.ย. 57 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีเชียงใหม่ อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย นำโดย พ.ต.ท.อรรถศักดิ์ ศิริพาณิช รอง.ผกก. สภ.ศรีเชียงใหม่ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอศรีเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่า นค.2 (สังคม) ร่วมกันสกัดจับรถยนต์กระบะต้องสงสัย ยี่ฮ้อโตโยต้าไฮลัก สีบรอน มีหลังคาทึบ หมายเลขทะเบียน บม 1793 อุดรธานี  ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่ส่งสัญญาณเพื่อขอตรวจสอบ แต่คนขับได้ขับรถวิ่งหลบหนีไปในป่าข้างทาง บริเวณบ้านโคกซวก ต.พระพุทธบาท อ.ศรีเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่จึงติดตามจับกุมได้พร้อมคนขับ ทราบชื่อว่า นายวิจิตร แช่ฉั่ว (ศักดิ์) อายุ 34 ปี  อยู่บ้านเลนที่ 13 ม. 3 บ้านโคกกลาง ต.ส่องดาว อ.ส่องดาว จ.สกลนคร
     จากการตรวจสอบรถยนต์กระบะคันดังกล่าว ทำเป็นหลังคาทึบ พบซุกซ่อนไม้ชิงชันเหลี่ยมจำนวน 23 ท่อน ปริมาตร 1.16 ลูกบาศก์เมตร ถ้าสามารถนำส่งถึงท่าน้ำริมแม่น้ำโขงและข้ามฝั่งไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ จะมีมูลค่ากว่า 5 แสนบาท และจากการตรวจสอบเอกสารภายในรถพบผู้เป็นเจ้าของรถคันดังกล่าวชื่อ นายบุญเชิด เนตชมภู อยุ่บ้านเลขที่ 65/11 ม. 2 ต.บุฮม อ.เชียงคาน จ.เลย


     จากการสอบสวนนายวิจิตร รับสารภาพว่า ตนเป็นคนไทยไปอยู่อาศัยกับภรรยาที่บ้านสำปันนา เมืองสังทอง นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ตนได้นั่งเรือข้ามฝั่งจากประเทศลาวมาขึ้นฝั่งที่จุดจอดเรือบ้านปากโสม อ.สังคม จ.หนองคาย แล้วนั่งรถโดยสารมาลงที่บ้านผาตั้ง ต.ผาตั้ง อ.สังคม เพื่อขับรถคันดังกล่าวที่จอดรออยู่แล้วขับไปบรรทุกไม้ชิงชันที่บริเวณทุ่งนา บ้านคำด้วง ต.คำด้วง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นของนายป้อม ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง อายุประมาณ 40-45 ปี หลังจากนั้นก็จะขับรถนำไม้ชิงชันมาจอดที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง บริเวณบ้านท่ากฐิน ต.พระพุทธบาท อ.ศรีเชียงใหม่ ซึ่งการคนย้ายแต่ละครั้งจะมีรถนำทางตลอด และเคยทำมาแล้ว 1 ครั้ง ส่วนครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 โดยจะได้ค่าจ้างครั้งละ 5.000 บาท เจ้าหน้าที่จึงนำของกลางทั้งหมดส่งผนักงานสอบสวน สภ.ศรีเชียงใหม่ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.