วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558

หนองคาย - กองสวัสดิการสังคม เทศบาลตำบลศรีเชียงใหม่ ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ จังหวัดหนองคาย จัดโครงการต้นแบบระดับประเทศ โครงการพัฒนาคุณภาพเด็ก วัยใสใส่ใจทำดี Teen to be good


     วันนี้ (31 ม.ค. 58) ที่อาคารเอนกประสงค์เทศบาลตำบลศรีเชียงใหม่ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย นายไพฑูรย์ จิตต์สุทธิผล นายอำเภอศรีเชียงใหม่ ได้เป็นประธานในพิธีเปิด โครงการพัฒนาคุณภาพเด็ก วัยใสใส่ใจทำดี Teen to be good ซึ่งเป็นโครงการต้นแบบระดับประเทศ ประจำปี 2558 โดยกองสวัสดิการสังคม เทศบาลตำบลศรีเชียงใหม่ ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ จังหวัดหนองคาย จัดขึ้น เพื่อพัฒนาคุณลักษณะเด็กและเยาวชน ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการส่งเสริมสวัสดิภาพและคุ้มครองพิทักษ์สิทธิเด็กและเยาวชนอย่างครบรอบ 6 ด้าน และเพื่อพัฒนาศักยภาพของเครือข่ายชุมชน ในการจัดกิจกรรมพัฒนาเด็กและเยาวชนในชุมชนได้
     โครงการสร้างคุณภาพเด็กและเยาวชน วัยใสใส่ใจทำดี Teen to be good เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนในพื้นที่เทศบาลตำบลศรีเชียงใหม่ ในการพัฒนาเด็กและเยาวชน ด้วยกิจกรรมประจำวัน ประจำครอบครัว และกิจกรรมสร้างคุณภาพ ซึ่งจะจัดให้มีการอบรมโดยใช้ฐานการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับแนวทางพัฒนาคนของสหประชาชาติ (UN Concept) ใน 6 มิติ คือ ด้านศีลธรรม-จริยธรรม, ด้านการดำรงชีวิต, ด้านวิชาการ, ด้านสังคม, ด้านอาชีพ และด้านนันทนาการ โดยให้เด็กและเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการฯ มีคุณลักษณะที่เป็นภูมิคุ้มกันในการดำรงชีวิตที่ดี

     โดยมีการจัดกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ กิจกรรมฐานพัฒนาจริยธรรม กิจกรรมละลายพฤติกรรม และกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์เพื่อแบ่งกลุ่มเด็กเข้าฐานพัฒนากาย 4 ฐาน ประกอบด้วย ฐานฝึกปฏิบัติพับผ้าห่มและเสื้อผ้า, ฐานฝึกปฏิบัติซักผ้าและล้างจาน, ฐานฝึกปฏิบัติปัดกวาด เช็ดถู และจัดเก็บของใช้เป็นหมวดหมู่ และฐานฝึกปฏิบัติทำความสะอาดห้องน้ำ ซึ่งจะแบ่งกลุ่มย่อยและฝึกปฏิบัติการเยี่ยมบ้านเด็กและครอบครัว เป็นเวลา 8 สัปดาห์ โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือเด็กอายุระหว่าง 9-12 ปี ในเขตเทศบาลตำบลศรีเชียงใหม่ และผู้ปกครองจำนวน 300 คน ร่วมโครงการฯ.













วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 25 (นพค. 25) สำนักงานพัฒนาภาค 2 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา มอบผ้าห่มกันหนาวให้กับประชาชน 200 ผืน ในพื้นที่ตำบลด่านศรีสุข อำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ที่ประสบกับสภาวะอากาศหนาวเย็น

     วันนี้ (30 ม.ค. 58) ที่อาคารเอนกประสงค์ องค์การบริหารส่วนตำบลด่านศรีสุข อำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย พันเอกไพศาล งามวงษ์วาน ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 25 สำนักงานพัฒนาภาค 2 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เป็นประธานมอบผ้าห่มกันหนาวให้กับประชาชนในพื้นที่ตำบลด่านศรีสุข อำเภอโพธิ์ตาก โดยมี นายอชิรพัฒน์ สิงห์ทรายขาว นายก อบต. ด่านศรีสุข เจ้าหน้าที่ นพค.25 และประชาชนให้การต้อนรับ

     พันเอกไพศาล งามวงษ์วาน กล่าวว่า จากสภาพอากาศช่วงที่ผ่านมาซึ่งมีความหนาวเย็น ทำให้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อน หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้ตระหนักถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี จึงได้มีนโยบายให้หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ ทั้ง 30 หน่วย ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยหนาว ประกอบกับจังหวัดหนองคายได้ประกาศให้พื้นที่อำเภอโพธิ์ตาก เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน ภัยหนาว ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 ซึ่งหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 25 ได้ให้ความสำคัญต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ตำบลด่านศรีสุข อำเภอโพธิ์ตาก จึงได้จัดสรรผ้าห่มกันหนาวมาแจกจ่าย เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ที่ประสบกับสภาวะอากาศหนาวเย็น จำนวน 200 ผืน และเป็นอีกหนึ่งในแผนการปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนของหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 25 ด้วย.

หนองคาย - สถานีควบคุมไฟป่าพื้นที่ลุ่มน้ำทอนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดหนองคาย นำเจ้าหน้าที่ อาสาพิทักษ์ป่าฯ และชาวบ้านภูพนังม่วง ทำแนวกันไฟและเผาลดปริมาณเชื้อเพลิงสะสมในผืนป่าชุมชน 2,000 ไร่ เพื่อลดความเสี่ยงและความรุนแรงของไฟป่าและบรรเทาปัญหาหมอกควัน

     วันนี้ (29 ม.ค. 58) นายสมเกียรติ จันทร์ตรี หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าพื้นที่ลุ่มน้ำทอนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดหนองคาย นำเจ้าหน้าที่ และอาสาพิทักษ์ป่าและสิ่งแวดล้อมตำบลด่านศรีสุข สภาแกนนำบ้านภูพนังม่วง และชาวบ้านหมู่ที่ 8 บ้านภูพนังม่วง ต.ด่านศรีสุข อ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย ร่วมทำแนวป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ในพื้นที่ป่าชุมชนบ้านภูพนังม่วง จำนวน 2,000 ไร่ โดยการชิงเผาเพื่อลดปริมาณเชื้อเพลิงสะสมในจุดที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า และมักจะเกิดไฟป่าซ้ำซากในป่าชุมชนของหมู่บ้าน พร้อมทั้งมีการจัดทำแนวป้องกันไฟป่าขนาดความกว้าง 5 เมตร ไปตลอดแนวป่าชุมชน

     นายไพฑูรย์ วงศ์มาตร์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 8 บ้านภูพนังม่วง กล่าวว่า พื้นที่ป่าชุมชนแห่งนี้ประสบปัญหาหมอกควันไฟป่าปกคลุมพื้นที่ในหน้าแล้งเป็นประจำทุกปี ทำให้พืชทางการเกษตรของชาวบ้านได้รับความเสียหาย และปีนี้เป็นปีแรกที่สภาแกนนำบ้านภูพนังม่วง ได้นำชาวบ้านร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกิจกรรมดังกล่าว เพื่อให้ชาวบ้านได้เข้าใจและทำเจตนารมณ์ร่วมกันว่าจะไม่เผา ไม่ทำรายผืนป่าในพื้นที่ พร้อมอาสาช่วยดูแลและดับไฟป่าด้วย อนาคตอันใกล้นี้จะจัดทำหอดูไฟที่บริเวณภูอินทร์แปลง เพื่อการป้องกันและเฝ้าระวังไฟป่าในช่วงฤดูแล้งต่อไป.

ขนส่งหนองคาย คืนความสุขให้ผู้พิการ มอบอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการ ภายใต้โครงการ ขนส่งห่วงใย ใส่ใจผู้ประสบภัยจากรถ คืนความสุขให้ผู้ประสบภัย คืนความปลอดภัยให้ท้องถนน

     วันที่ 28 ม.ค. 58 ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย อำเภอเมืองหนองคาย นายสมหวัง ทองศรี ขนส่งจังหวัดหนองคาย ได้จัดกิจกรรมคืนความสุขให้ผู้พิการ มอบอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการ ภายใต้โครงการ ขนส่งห่วงใย ใส่ใจผู้ประสบภัยจากรถ คืนความสุขให้ผู้ประสบภัย คืนความปลอดภัยให้ท้องถนน โดยมี นายสุชาติ นพวรรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานมอบอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการ จำนวน 23 ราย อุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการ ประกอบด้วย อุปกรณ์รถนั่งไฟฟ้า จำนวน 1 คัน , รถนั่งธรรมดา จำนวน 8 คัน, เตียงนอน จำนวน 1 เตียง ,ขาเทียม จำนวน 12 ขา และแขนเทียม จำนวน 1 แขน ตามที่มีผู้พิการที่ประสบภัยจากการใช้รถใช้ถนน ยื่นเรื่องขอรับความช่วยเหลืออุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ( กปถ. ) กรมการขนส่งทางบก ผ่านสำนักงานขนส่งจังหวัดหนองคายในปี 2557

     การจัดงานครั้งนี้ ได้ยึดหลักแนวคิด คืนความสุขให้ผู้ประสบภัย คืนความปลอดภัยให้ท้องถนนโดย คืนความสุขให้ผู้ประสบภัยหมายถึง การมอบอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการให้แก่ผู้พิการเพื่อให้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ กลับคืนสู่สังคมได้อย่างมีความสุขและมีความภาคภูมิใจ เปรียบเสมือนการมอบของขวัญปีใหม่ให้แก่ผู้พิการ ในส่วนของ คืนความปลอดภัยให้ท้องถนนหมายถึง การจัดนิทรรศการ การให้ความรู้แก่ผู้ร่วมงาน การสร้างความตระหนักรู้ถึงการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย การมีวินัยในการขับรถ สาเหตุและผลกระทบของการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้ร่วมงาน และสามารถนำไปถ่ายทอดและใช้ในชีวิตประจำวันได้.

วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2558

สนง.เกษตรอำเภอเมืองหนองคาย ส่งเสริมการใช้เชื้อรา”ไตรโคเดอร์ม่า” เชื้อรา”บิวเวอเรีย” แก่เกษตรกร นำร่องในการควบคุมแมลงสตรูพืชทดแทนสารเคมี ลดภาวะต้นทุนและความเสียหายที่เกิดจากโรคพืช เป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน (AEC) อย่างเป็นทางการ

     วันนี้ (28 ม.ค. 58) ที่ แปลงติดตามสถานการณ์ศัตรูพืชชุมชน หมู่ 4 บ้านนาพิพาย ต.ปะโค อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย นายธงชัย สอดแสวง นักวิชาการส่งเสริมเกษตรชำนาญการ สนง.เกษตรอำเภอเมืองหนองคาย ได้ฝึกอบรมสอนการผลิตเชื้อรา”ไตรโคเดอร์มา” และเชื้อรา”บิวเวอเรีย” เพื่อควบคุมโรคให้แก่เกษตรกรที่สนใจ โดยเชื้อราดังกล่าว เป็นเชื้อราปฏิบักษ์ ดำรงชีวิตอยู่ในดินโดยอาศัยและกินเศษซากพืชซากสัตว์ และอินทรียวัตถุเป็นแหล่งอาหาร จัดเป็นเชื้อประเภท Saprophyte (แซพระไฟท์) สามารถทำลายแมลงหรือทำให้เกิดโรคกับแมลงหลายชนิด เช่น ด้วงหมัดผัก เพี้ยหมัดกระโดด หนอนใยผัก โรคไหม้ โรคใบจุดสีน้ำตาล เป็นต้น
     นายธงชัย กล่าวว่า เชื้อรา”ไตรโคเดอร์” และเชื้อรา”บิวเวอเรีย” จะช่วยเพิ่มความต้านทานโรคของพืชให้มีระบบรากดี เจริญเติบโตดี แข็งแรงและทนทานต่อโรคพืชตามฤดูกาลต่างๆ โดยนำหัวเชื้อราฯ ใส่ในถุงข้าวที่หุงพอสุกทิ้งไว้ 15 วัน จะกลายเป็นสีเขียวเข้มและสีขาว นำไปผสมน้ำในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 ส่วน ใช้รดน้ำพืชผักได้ทุกชนิด ทั้งไม้ผล ไม้ดอกและไม้ประดับ โดยสามารถนำเชื้อราที่ได้ไปคลุกกับเมล็ดพืช หรือผสมน้ำฉีดพ่นหรือรองก้นหลุมก่อนปลูกก็มีประสิทธิภาพ ซึ่งการผลิตเชื้อรา”ไตรโคเดอร์” และเชื้อรา”บิวเวอเรีย”มาใช้เอง จะสามารถช่วยเกษตรกรลดต้นทุนการซื้อปุ๋ยเคมี ปลอดภัยจากสารพิษตกค้างและสามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่องด้วยต้นทุนที่ประหยัดกว่า มีวิธีการทำทุกขั้นตอนไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับเกษตรกรที่ต้องดูแลพืชสวน ไร่ นา และผลผลิตในช่วงเก็บเกี่ยว ลดความสูญเสียของต้นพืชทุกชนิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยศูนย์บริหารศัตรูพืชจังหวัดขอนแก่น ได้สนับสนุนหัวเชื้อราให้แก่เกษตรกรเพื่อผลิตใช้เองโดยไม่ต้องซื้อ เป็นการลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ส่วนประโยชน์ใช้ในทางควบคุมโรคพืชได้หลายชนิด เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน (AEC) อย่างเป็นทางการ
     สำหรับบ้านนาพิพาน เป็นศูนย์นำร่องในการจัดการสตรูพืชชุมชนของตำบลปะโค ซึ่งก็ได้อบรมพี่น้องเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 30 คน และมีการอบรมอยู่จำนวน 2 ครั้ง ซึ่งในการอบรมแต่ละครั้งเราก็จะเน้นหนักในการผลิตสารชีวะพันธุ์ เช่น เชื้อราไตรโคเดอร์ม่า เชื้อราบิวเวอเรีย ซึ่งเชื้อราไตรโคเดอร์ม่าเป็นเชื้อราที่ใช้ป้องกันโรค เช่น โรคโคนเน่า โรคไฟด่าง เป็นต้น แต่ท่าเป็นเชื้อราบิวเวอเรียที่ลักษณะสีขาว เราจะใช้ป้องกันแมลง เช่น หนอน เพี้ยต่างๆ ที่จะมาทำลายในพืชผักของเกษตรกร ซึ่งต้องมีการป้องกันตั้งแต่เริ่มแรก ตั้งแต่การปรับปรุงดินไม่ให้เป็นที่หลบซ่อนของสตรูพืช
       นายธงชัย กล่าวอีกว่า ปัจจุบันได้ทำการฝึกอบรมพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ตำบลประโค จำนวน 110 ราย ซึ่งในจำนวนที่ได้ทำการอบรมมาแล้วนั้น สามารถนำไปใช้ได้เกิน 80 %  ที่มีความรู้เรื่องการผลิตสารชีวะพันธุ์ใช้เองและสามารถใช้ภายในครอบครัวได้ เพื่อลดต้นทุนและเป็นการผลิตพืชที่ปลอดภัยให้ผู้บริโภคอีกด้วย.

หนองคาย - ชาวบ้านฮือฮา แห่ดูต้นไม้ประหลาดเต้นระบำไปตามจังหวะเพลงได้ ในศูนย์คุ้มครองพันธุ์พืชป่าจังหวัดหนองคาย เชื่อมีนางไม้สิงสถิตอยู่ คอหวยทราบข่าวแห่ขอเลขเด็ดกันใหญ่


     ผู้สื่อข่าว ได้เดินทางไปที่ศูนย์คุ้มครองพันธุ์พืชป่าจังหวัดหนองคาย บ้านน้ำไพร ตำบลสังคม อำเภอสังคม หลังได้ทราบว่าบริเวณดังกล่าวมีต้นไม้ประหลาดเต้นระบำไปตามจังหวะเพลงได้ เมื่อไปถึงก็ได้ยินเสียงเพลงในจังหวะมันๆ ตามสไตล์ดนตรีอีสาน และพบชาวบ้าน นักท่องเที่ยว และชาวต่างชาติ นั่งรวมกลุ่มจ้องมองดูต้นไม้เต้นระบำ บริเวณหน้าบ้านพักรับรองหลังใหม่ของศูนย์ฯ ซึ่งต้นไม้ดังกล่าวคือต้นคำแสด หรือคำแดง มีลำต้นสูงประมาณ 25 เมตร เส้นรอบวงประมาณ 20 นิ้ว ใบเขียวเข้ม ขนาดประมาณ 1 นิ้ว ยาวประมาณ 2.5 - 3 นิ้ว อายุประมาณ 15 ปี
     เมื่อสังเกตจะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่มีการเปิดเพลงจังหวะมันๆ ใบของต้นคำแสดจะแกว่งไปมา หากใบอยู่ใกล้กันก็จะแกว่งไขว้กันไปมา ส่วนใหญ่จะเต้นอยู่บริเวณส่วนกลางของลำต้น และต้นไม้ชนิดอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ต้นคำแสด ก็เป็นปกติไม่มีการแกว่งไปมาของใบไม้ มีแต่ต้นคำแสดที่มีอาการเต้นไปตามจังหวะเสียงเพลง แต่เมื่อปิดเสียงเพลงใบของต้นคำแสดก็จะค่อยๆ หยุดแกว่งไปมา เมื่อเปิดเพลงอีกครั้งใบของต้นคำแสดก็จะเริ่มแกว่งไปมาขึ้นทันที สร้างความแปลกประหลาดให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคอหวยที่ทราบข่าว ต่างแห่จุดธูปเทียนกราบไหว้และปะแป้งที่โคนลำต้นเพื่อขอเลขเด็ดเป็นการใหญ่
     จากการสอบถามชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้น บอกว่า มีผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่าขานกันมาว่า ป่าบริเวณดังกล่าวเป็นป่าลึกลับ เป็นป่าศักดิ์สิทธิ์ มีสิ่งที่ลึกลับมากมาย และได้ร่วมกันอนุรักษ์ป่าผืนนี้ไว้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เมื่อมาเห็นต้นไม้เต้นระบำได้ก็มีความเชื่อว่าต้นไม้ดังกล่าวมีนางไม้สิงสถิตอยู่ ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าว จะเกิดขึ้นเฉพาะช่วงเวลา 14.00-16.00 น. ของทุกวัน ส่วนช่วงเวลาอื่นๆ จะแกว่งน้อย และในช่วงกลางคืนจะไม่แกว่งตามจังหวะเสียงเพลง.






หนองคาย - สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดหนองคาย ร่วมกับอำเภอท่าบ่อ จัดโครงการอบรมไกล่เกลี่ยประนอมและระงับข้อพิพาท เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในกระบวนการยุติธรรม ด้วยวิการเป็นผู้ไกล่เกลี่ย ประนีประนอมข้อพิพาททางแพ่งในระดับท้องถิ่น

     วันนี้ (28 ม.ค. 58) ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย นายพัฒนธรณ์ กีรติรัฐวัฒน์ นายอำเภอท่าบ่อ เป็นประธานเปิดโครงการอบรมไกล่เกลี่ยประนอมและระงับข้อพิพาท โดยมีเจ้าหน้าที่ สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยผู้เข้ารับการอบรมให้การต้อนรับ
     ทั้งนี้  สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดหนองคาย มีหน้าที่ตามกฎหมายในการปฏิบัติภารกิจ ด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและผลประโยชน์ของประชาชน โดยส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในกระบวนการยุติธรรม ด้วยวิธีการเป็นผู้ไกล่เกลี่ย ประนีประนอมข้อพิพาททางแพ่งในระดับท้องถิ่น ซึ่งหากยุติลงได้ในระดับท้องถิ่น จะทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี ไม่เสียเวลาในการประกอบอาชีพ สะดวก รวดเร็ว และได้รับความยุติธรรมตามความเป็นจริง เพื่อคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนเป็นรายบุคคล รายกลุ่มและรายชุมชน และเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง และจำเป็นในชีวิตประจำวัน เพื่อให้บริการประชาชนตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ และได้รับความพึงพอใจจากประชาชน และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ของสำนักงานอัยการสูงสุด
     โดยมีกลุ่มเป้าหมายในเขตพื้นที่อำเภอท่าบ่อ ประกอบด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และประชาชนทั่วไปร่วมในโครงการ จำนวน 100 คน.