วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยประจำจังหวัดหนองคาย สนธิกำลัง ตรวจคนเข้าเมือง ตชด.ตำรวจภูธร ตรวจยึดไม้ประดู่ชิงชันแปรรูป ที่เตรียมส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนคนขับจอดรถทิ้งวิ่งหลบหนีไปได้


     เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 พ.ค. 2557 ที่กองกำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย พล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย, พล.ต.ต.ชาติชาย เอี่ยมแสง ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4, พ.อ.ปิยะพณห์ ฐิตวัฒนานนท์ ผู้แทน กองกำลังรักษาความสงบ พล.ร.3, พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย, นายอดุลย์รัตน์ ตั้งทวี ผอ.สำนักงานทรัพยากรป่าไม้ที่ 6 (อุดรฯ), นายวิระชัย อัคราช หน.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ 2 สังคม พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสนธิกำลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแถลงข่าวการตรวจยึดไม้ชิงชันจำนวน 16 แผ่นใหญ่ กว้าง 48-50 ซม., ยาว 2 เมตร และหนา 12 ซม. ปริมาตรรวมประมาณ 1.95 ลบ.ม. มูลค่ากว่า 5 แสนบาท พร้อมกับยึดรถยนต์ที่ใช้ในการขนไม้ 2 คัน คือ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อนิสสัน สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน บธ 7465 เลย และรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน บบ 5168 เลย

     การตรวจยึดไม้ชิงชันครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ ตม.จังหวัดหนองคายสืบทราบว่า ในพื้นที่ อ.สังคม มีการลักลอบขนไม้หวงห้ามข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน โดยอาศัยช่วงเวลาที่มีเหตุการณ์ไม่สงบในประเทศ จึงได้ร่วมกันสนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่ทหาร กกล.รส.ประจำจังหวัดหนองคาย พร้อมทั้งจัดชุดปฏิบัติการเข้าไปในพื้นที่


     จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. ขณะที่ตรวจมาถึงพื้นที่ป่าละเมาะ ริมฝั่งโขง ใกล้วัดอูบมุง ต.แก้งไก่ อ.สังคม ได้พบรถต้องสงสัยจำนวน 2 คัน และมีชายฉกรรจ์หลายคนกำลังขนไม้ลงเรือที่จอดเทียบท่าอยู่ 3 ลำ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น ชายทั้งหมดวิ่งลงเรือแล้วขับหนีไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบ พบไม้จำนวนดังกล่าวอยู่บนรถยนต์ทั้งสองคัน จึงได้ทำการตรวจยึดไว้ ซึ่งของกลางทั้งหมดจะส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.สังคม เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

ปศุสัตว์อำเภอท่าบ่อ มอบโคให้กับหมู่บ้าน ในโครงการธนาคารโค-กระบือ เพื่อการเกษตร ตามแนวพระราชดำริ ในพื้นที่ตำบลบ้านเดื่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย



     เวลา 09.00 น. วันนี้ (30 พ.ค. 57) ที่บ้านน้อย หมู่ที่ 1 ต.บ้านเดื่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นายอนุรัฐ ไทยตรง นายอำเภอท่าบ่อ เป็นประธานมอบโค ให้กับราษฎรในพื้นที่ตำบลบ้านเดื่อ ตามโครงการ “หมู่บ้านโครงการธนาคารโค-กระบือ เพื่อการเกษตร ตามแนวพระราชดำริ”  ทั้งนี้เพื่อให้ราษฎรได้ยืมในการใช้ประโยชน์ในการเกษตร และเพิ่มปริมาณโคและกระบือ ตามหลักการของธนาคาร เพื่อสนองพระราชดำริ  ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท  โดยสนับสนุนและส่งเสริมเกษตรกรในโครงการ เกษตรทฤษฏีใหม่  เกษตรพอเพียง และเกษตรผสมผสาน  ตามแนวพระราชดำริ  ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  โดยเน้นให้เกิดชุมชนหรือหมู่บ้านที่มีส่วนร่วมในการกำกับดูแลกันเองในชุมชนนั้นๆ เพื่อเป็นการสร้างความเข้มแข็งในชุมชน  เกิดความรักความสามัคคี  และเกิดความยั่งยืน

     สำหรับวันนี้ มีโคโครงการธนาคารโค-กระบือ จำนวน 25 ตัว มอบให้เกษตรกร 25 รายๆ ละ 1 ตัว โดยทำสัญญายืมกับกรมปศุสัตว์และมีเงื่อนไขว่า 1.เมื่อลูกโค-กระบือตัวแรก อายุครบ 1 ปี 6 เดือน ให้ส่งคืนโครงการฯ  ส่วนลูกโค-กระบือตัวต่อไป ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเกษตรกร, 2.เมื่อยืมแม่โค-กระบือครบ 5 ปี ให้มอบกรรมสิทธิ์แม่โค-กระบือดังกล่าว ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเกษตรกรผู้ยืม 

       

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สำนักงานท้องถิ่นอำเภอท่าบ่อ พร้อมคณะกรรมการ ลงพื้นที่ตรวจประเมินบ้าน วัด โรงเรียน ตามนโยบาย 5 รัก ของผู้ว่าราชการหนองคาย โดยมีเป้าหมายเป็นเมืองน่าอยู่อันดับ 1 ของภาคอีสาน


           วันนี้ ( 29พ.ค. 57 ) ที่ศูนย์เรียนรู้ชุมชน บ้านหงษ์ทอง หมู่ 5 ต.กองนาง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นายยุคล กาญจนศิริพงษ์ ปลัดอาวุโสอำเภอท่าบ่อ จ.หนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอำเภอท่าบ่อ และคณะกรรมการตรวจประเมินโครงการ 5 รัก ระดับอำเภอ ได้ออกตรวจประเมินให้คำแนะการปฏิบัติตามนโยบาย 5 รัก ของผู้ว่าราชการหนองคาย ในด้านบ้าน วัด โรงเรียน (บวร) โดยมีเป้าหมายเป็นเมืองน่าอยู่อันดับ 1 ของภาคอีสาน และสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้าน วัด โรงเรียน ให้เกิดความรักสะอาด รักวินัย รักสิ่งแวดล้อม รักสามัคคี และรักสุขภาพ ให้เกิดพลังของคนในหมู่บ้าน ชุมชน ได้ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบในการพัฒนา แก้ไขปัญหา สามารถมีวิถีชีวิตที่ดีในสังคม เป็นรากฐานที่มั่นคงต่อไป


            นายยุคล กาญจนศิริพงษ์ ปลัดอาวุโสอำเภอท่าบ่อ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้มีนโยบาย 5 รัก เพื่อที่จะให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมมือ ร่วมใจกัน ในการปฏิบัติเพื่อให้จังหวัดหนองคายนั้นเป็นเมืองน่าอยู่อันดับ 1 ของภาคอีสาน แต่ว่าขณะนี้พวกเราทุกคนจะได้ยินว่าเมืองน่าอยู่อันดับ 7 ของโลก ซึ่งนั้นเป็นนิตยสารของทางยุโรป ที่ได้จัดอันดับให้จังหวัดหนองคายเป็นเมืองน่าอยู่ดั่งกล่าว แต่เนื่องจากระยะเวลามานานหลายปีแล้วก็ยังไม่ทราบว่าหนองคายเราอยู่ในอันดับที่เท่าไหล่ แต่อย่างไรก็ตามท่านผู้บริหารระดับสูงของจังหวัดได้กำหนดนโยบาย 5 รัก ออกมา สำนักงานท้องถิ่นอำเภอท่าบ่อ ก็เลยได้จัดทำโครงการในการประกวด วัด บ้าน โรงเรียน (บวร) เพื่อให้เป็นไปตามแนวนโยบาย 5 รัก ของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งหลายๆ อบต. หลายๆ เทศบาล ก็ได้มีการพิจารณาคัดเลือกทั้งบ้าน ทั้งวัด ทั้งโรงเรียน เพื่อทางสำนักงานท้องถิ่นอำเภอท่าบ่อ ได้จัดทำเป็นตารางในการกำหนดออกมาประเมินให้ครบทุกหมู่บ้าน ทุกวัด ทุกโรงเรียน ต่อไป. 
   

วันพุธที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

พบงูเหลือมยาวประมาณ 5 เมตร เลื้อยเข้าไปขโมยกินไก่ในเล้าของชาวบ้าน ที่อยู่ติดริมน้ำห้วยโมง กู้ภัยต้องช่วยจับเพื่อปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ


     วันที่ 23 พ.ค. 57 เจ้าหน้าที่กู้ภัยประจักษ์ จุดอำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ได้ช่วยกันจับงูเหลือมขนาดใหญ่ที่มีความยาวประมาณ 5 เมตร หนัก 15 กิโลกรัม หลังพยายามเข้ามาขโมยไก่ของชาวบ้านกิน แต่ดันเลื้อยมาติดตาข่ายที่ชาวบ้านดักไว้รอบเล้าไก่ บริเวณริมน้ำห้วยโมง บ้านสามขา หมู่ที่ 6 ต.กองนาง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย

      โดยเจ้าของเล้าไก่ กล่าวว่า ตนได้ใช้พื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโมง ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน ทำเป็นเล้าสำหรับเลี้ยงไก่พื้นเมือง จำนวน 15 ตัว และซึ่งก่อนหน้านี้พบว่าไก่ได้หายไปเลื่อยๆ เป็นจำนวน 8 ตัว สุดท้ายงูเหลือมตัวดังกล่าวก็เลื้อยมาติดตาข่ายที่ตนล้อมเล้าไก่เอาไว้ จึงแจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยประจักษ์ จุดอำเภอท่าบ่อ ให้เข้ามาช่วยจับงูเหลือม เพื่อนำไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติต่อไป


วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ประมงจังหวัดหนองคาย จัดงานมหกรรม “หนองคายเมืองปลาน้ำจืดสีเขียว อาหารปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม Nongkhai Fish Fun Fair” ที่อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ชมนิทรรศการโครงการเมืองเกษตรสีเขียว ออกร้านจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรปลอดภัยไร้สารพิษ และการแข่งขันชิงเงินรางวัล พร้อมจัดเวทีเสวนาในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ


      เวลา 09.30 น. วันนี้ (27 พ.ค. 57) ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย นายอโนทัย ธรรมกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้เป็นประธานเปิดงานมหกรรม “หนองคายเมืองปลาน้ำจืดสีเขียว อาหารปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม Nongkhai Fish Fun Fair” โดยสำนักงานประมงจังหวัดหนองคาย ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดหนองคาย และอำเภอท่าบ่อ ได้ร่วมกันกำหนดจัดงานมหกรรมดังกล่าวขึ้น เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานรับทราบถึงนโยบายการขับเคลื่อนโครงการเมืองเกษตรสีเขียว และรับฟังการชี้แจงแนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2557 รวมทั้งการสร้างความรู้ ความเข้าใจร่วมกันของผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่เกษตรกร

      ทั้งนี้ จังหวัดหนองคาย เป็น 1 ใน 6 จังหวัด คือ เชียงใหม่ หนองคาย ศรีษะเกตุ จันทบุรี พัทลุง และราชบุรี ได้รับการพลักดันจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เป็นเมืองเกษตรสีเขียว “Green Agriculture City” มีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับวัฒนะธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดี ประชาชนมีความปลอดภัยในอาหาร และเป็นฐานสร้างรายได้ที่สำคัญด้วยการพัฒนาตลาดสีเขียว และพัฒนาบ้านเมืองท่องเที่ยวเชิงเกษตร ให้สอดคล้องกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศไทย


    โดยในงานมหกรรมดังกล่าว มีการจัดกิจกรรมการประชาสัมพันธ์ชี้แจงแนวทางการปฏิบัติในการขับเคลื่อนโครงการเมืองเกษตรสีเขียว และจัดเวทีเสวนาในหัวข้อ “สิทธิชุมชนกับการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรในธรรมชาติ” โดยเครือข่ายเครือข่ายสภาองค์กรชุมชนตำบล ลุ่มแม่น้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน ชมจัดนิทรรศการโครงการเมืองเกษตรสีเขียวและร้านจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรปลอดภัยไร้สารพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีกิจกรรมการประกวดแข่งขันต่างๆ เช่น การแข่งขันทอดแหบก การแข่งขันกินปลา การแข่งขันลาบปลาและส้มตำลีลา การแข่งขันจับน้องหมูมันมัน และการประกวดผลผลิตทางการเกษตรและเครื่องมือประมง โดยมีประชาชน รวมทั้งเกษตรกรและผู้ประกอบการในพื้นที่ เข้าร่วมจำนวนมาก.

คณะทำงานเครือข่ายประชาสังคมจังหวัดหนองคาย ร่วมกับสภาพัฒนาการเมืองและสภาองค์กรเอกชน ประกอบพิธีสืบชะตาแม่น้ำโขงและลำน้ำห้วยโมง พร้อมร่วมกันประกาศแถลงการณ์ ในการบริหารจัดการน้ำชุมชน เพื่อนำหนองคายสู่เมืองเกษตรสีเขียว และปล่อยพันธุ์ปลา เพื่อเป็นการอนุรักษ์และขยายพันธุ์ปลาน้ำจืดในแหล่งน้ำธรรมชาติ

    
     เวลา 07.30 น. วันนี้ (27 พ.ค. 57) ที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาห้วยโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย คณะทำงานเครือข่ายประชาสังคมจังหวัดหนองคาย ร่วมกับสภาพัฒนาการเมืองและสภาองค์กรเอกชน ประกอบพิธีสืบชะตาแม่น้ำโขงและลำน้ำห้วยโมง ที่เป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำโขง เพื่อเป็นการบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์และสืบชะตาแม่น้ำทั้งสองสาย ก่อให้เกิดความร่วมมือ ความสามัคคีและช่วยเหลือเกื้อกูลกันภายในชุมชน มีความเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องรักษาแม่น้ำ ร่วมกันหวงแหนและสำนึกในการดูแลรักษาแม่น้ำ ตลอดจนต้นน้ำลำธาร โดยมีนายอนุรัฐ ไทยตรง นายอำเภอท่าบ่อ เป็นประธานประกอบพิธี

     โดยเครือข่ายประชาสังคมจังหวัดหนองคาย และเครือข่ายสภาองค์กรเอกชนลุ่มแม่น้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน ยังได้ร่วมกันประกาศแถลงการณ์แสดงเจตนารมณ์ในการบริหารจัดการน้ำชุมชน เพื่อนำหนองคายสู่เมืองเกษตรสีเขียว ตามโครงการ “หนองคายเมืองปลาน้ำจืดสีเขียว อาหารปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม Nongkhai Fish Fun Fair” โดยจะร่วมกับทุกภาคส่วนปกป้องแม่น้ำโขงและลำน้ำสาขา เป็นแหล่งน้ำที่ปลอดภัยสำหรับการผลิตอาหารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ร่วมมือในการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในพื้นที่ตลอดลำน้ำโขงและลำน้ำสาขา ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟูพรรณพืช พันธุ์ปลาท้องถิ่น และส่งเสริมการจัดการน้ำในชุมชน ให้ชุมชนรู้จักสิทธิในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างเต็มความสามารถ และร่วมกันปกป้องแหล่งอาหารตามธรรมชาติ ภายใต้หลักการ “การเข้าถึงแหล่งอาหารปลอดภัย ด้วยความเท่าเทียม เสมอภาค และชุมชนมีส่วนร่วม”

      พร้อมกันนี้ ยังได้ปล่อยพันธุ์ปลาคืนสู่ธรรมชาติ ประกอบด้วย ปลาบึก 20 ตัว ปลานวลจันทร์ 3 แสน 5 หมื่นตัว เพื่อเป็นการอนุรักษ์และขยายพันธุ์ปลาน้ำจืดในแหล่งน้ำธรรมชาติต่อไป.
   


วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ทหารเข้าควบคุมสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ที่หนองคาย ห้ามคนไทยออกนอกประเทศ ชาวลาวแตกตื่นต้องรีบกลับประเทศ


     ภายหลังจากมีการประกาศยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในช่วงเย็นวันที่ 22 พ.ค. 57  บรรยากาศที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย ลาว แห่งที่ 1 จังหวัดหนองคาย เจ้าหน้าที่ประจำด่านพรมแดน ทั้งศุลกากรหนองคาย และตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย ได้รับการประสานจากกองกำลังทหารจะเข้ามาช่วยควบคุมดูแลความเรียบร้อย
      โดยในช่วงเวลา 18.00 น. ทหาร จำนวนหนึ่ง ได้เข้าควบคุมพื้นที่บริเวณโดยรอบทั้งขาเข้าและขาออกประเทศ ตรวจสอบบุคคลที่ต้องเฝ้าจับตา กลุ่มแกนนำมวลชนสำคัญอาจมีความเคลื่อนไหวออกนอกประเทศ ขณะที่คนลาวที่เข้ามายังประเทศไทยตั้งแต่เช้า เมื่อทราบข่าวการยึดอำนาจก็ได้รีบเดินทางกลับประเทศลาว ทำให้รถยนต์ทุกชนิดเนืองแน่นบริเวณขาออกนอกประเทศ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารสั่งกำชับห้ามคนไทยเดินทางออกนอกประเทศ และห้ามคนต่างชาติเข้าประเทศ จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

     ประชาชนชาวลาวที่ทราบข่าวต่างพากันแตกตื่นตกใจ ทั้งการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวและรถโดยสารระหว่างประเทศ ก็สอบถามรายละเอียดกับคนไทยและเจ้าหน้าที่ถึงสถานการณ์บ้านเมืองไทย รวมทั้งตลอดทั้งวันได้มีคนลาว ทั้งส่วนราชการและเอกชน โทรศัพท์สอบถามเจ้าหน้าที่ประจำด่านสะพาน ว่ายังสามารถเดินทางเข้ามาประเทศไทยได้อยู่หรือไม่ เพราะเกรงกฎอัยการศึก
     อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อนุญาตเฉพาะกรณีที่คนลาวป่วย หรือมีนัดตรวจแพทย์ที่โรงพยาบาลในจังหวัดหนองคาย ยังสามารถเข้ารับการรักษาได้ตามกำหนดนัดเดิม แต่ก็ยังมีชาวลาวบางส่วนหวาดกลัวเหตุการณ์ยอมเดินทางกลับประเทศตัวเอง

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

บรรยากาศการจับจ่ายซื้อสินค้าในเขตเทศบาลเมืองท่าบ่อ จ.หนองคาย หลังประกาศเคอร์ฟิวยังคงปกติ แต่ราคาเนื้อหมูกลับขึ้นราคาจาก กิโลกรัมละ 165 พุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 170 บาท แม่ค้าระบุอากาศร้อน หมูโตช้า พอทหารประกาศเคอร์ฟิว บริษัทขายส่งเนื้อหมูกลับขึ้นราคาซ้ำเติมผู้บริโภค

          วันนี้ (23 พ.ค. 57)  บรรยากาศการจับจ่ายซื้อสินค้าในตลาดสดเทศบาลเมืองท่าบ่อ จ.หนองคาย หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ประกาศเคอร์ฟิว ประชาชนยังคงออกมาจับจ่ายเป็นไปตามปกติ ซึ่งพบว่าบรรดาพ่อค้า แม่ค้า ต่างติดตามข่าวสารตลอดเวลา และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นเรื่องดีที่มีการปฏิวัติ เพราะจะทำให้บ้านเมืองกลับมามีความสงบปกติ แต่จะส่งพลกระทบกับผู้ประกอบการสถานบันเทิง รวมทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านจำหน่ายอาหารริมฟุตบาธที่เปิดบริการลูกค้าในช่วงกลางคืน แต่ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีหลังทางกองทัพไทยได้ประกาศเคอร์ฟิว
     ขณะเดียวกัน หลังกองทัพไทยประกาศเคอร์ฟิว ทางบริษัทขายส่งเนื้อหมูฉวยโอกาสขึ้นราคา ทำให้พ่อค้า แม่ค่ารายย่อยต้องปรับราคาขึ้นตาม ซึ่งปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 170 บาท จากเดิม 165 บาท เพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ 5 บาท ทุกรายการ โดยพ่อค้าแม่ค้าระบุว่า สาเหตุที่ราคาเนื้อหมูปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้เลี้ยงหมูประสบปัญหาอากาศร้อนจัด หมูโตช้า ไม่ยอมกินอาหาร จึงไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค พอมีการประกาศเคอร์ฟิว บริษัท CP ที่เป็นบริษัทขายส่งเนื้อหมูกลับขึ้นราคา ซ้ำเติมผู้บริโภคอีก ทำให้ผู้บริโภคจับจ่ายน้อยลง และจำเป็นต้องสั่งเนื้อหมูลดลงเพื่อลดต้นทุน หลังจากที่ประกาศเคอร์ฟิวทำให้ต้องปรับเวลาจำหน่ายตาม และเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว สิ่งที่อยากเห็นคืออยากให้เศรษฐกิจดีขึ้น และคนไทยกลับมารักกัน ไม่แบ่งสีแบ่งพวกอีกต่อไป.

รัฐประหาร ผบ.เหล่าทัพ แถลง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำเป็นต้องเข้าปกครองประเทศ ตั้งแต่ 16.30 น. วันนี้ (22 พฤษภาคม 2557) ขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ



          เมื่อเวลา 16.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วย ผบ.เหล่าทัพ และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ระบุว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำเป็นต้องเข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เพื่อให้สถานการณ์กลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติโดยเร็ว

          ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ย้ำให้ประชาชนอยู่ในความสงบ ดำเนินชีวิตตามปกติ ส่วนข้าราชการทุกกระทรวง ขอให้ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนทุกประการ