วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557

หนองคาย - องค์การบริหารส่วนตำบลโคกคอน แถลงข่าวการจัดงานบรรพวิถี ชีวีอีสาน แหล่งโบราณคดีบ้านโคกคอน พร้อมเปิดพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ อายุกว่า 2,500 ปี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งใหม่ของจังหวัดหนองคาย

    วันนี้ (30 ต.ค. 57)  ที่องค์การบริหารส่วนตำบลโคกคอน ตำบลโคกคอน อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย นายบุญกร บุตรศรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกคอน  พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมชาย สงวนศักดิ์ภักดี ผกก.สภ.ท่าบ่อ, ดร.คำดี  จันทะเกษ ผอ.ร.ร.โคกคอนวิทยาคม และคณะผู้บริหาร ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานบรรพวิถี ชีวีอีสาน แหล่งโบราณคดีบ้านโคกคอน ถวายพระพรวงศ์จักรีนฤบดินทร์  พร้อมเปิดพิพิธภัณฑ์โบราณคดีบ้านโคกคอน ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2557 ที่จะถึงนี้
      นายบุญกร บุตรศรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกคอน กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนตำบลโคกคอน กำหนดจัดงานแสดง แสง สี เสียง ประกอบจินตนาการเรื่อง บรรพวิถีชีวีอีสาน แหล่งโบราณคดี บ้านโคกคอน ถวายพระพรวงศ์จักรีนฤบดินทร์”  เพื่อเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของชาวบ้านโคกคอน จากอดีตจนถึงปัจจุบันที่มีการค้นพบวัตถุโบราณ  ซึ่งทางสำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ 7 ขอนแก่น ได้นำไปพิสูจน์อายุและยุคสมัยของโบราณวัตถุและโครงกระดูกมนุษย์ พบว่า แหล่งโบราณคดีบ้านโคกคอนมีการอาศัยของมนุษย์ในอดีต 2 สมัย คือ  สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ที่พบหลักฐานการฝังศพพร้อมโบราณวัตถุ และสมัยประวัติศาสตร์ ที่พบหลักฐานทางวัฒนธรรมสมัยล้านช้าง และสมัยทราวดี ที่มีอายุประมาณ 2,500-1,500 ปีมาแล้ว
     นอกจากนั้น จะมีพิธีเปิดพิพิธภัณฑ์บ้านโคกคอน ให้เป็นสถานที่จัดแสดงโบราณวัตถุ เพื่อให้เป็นแหล่งค้นคว้าทางประวัติศาสตร์ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง  และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงโบราณคดีที่สำคัญแห่งใหม่ของจังหวัดหนองคายที่เหมาะแก่การเป็นศูนย์เรียนรู้  โดยการจัดงานครั้งนี้มีกิจกรรมที่น่าสนใจ ประกอบด้วย การแสดง แสง สี เสียง ประกอบจินตนาการเรื่อง บรรพวิถีชีวีอีสาน แหล่งโบราณคดี บ้านโคกคอน ถวายพระพรวงศ์จักรีนฤบดินทร์, การประกวดดนตรีพื้นบ้านอีสาน พิณ แคน โหวด , การแสดงวงโปงลางโรงเรียนโคกคอนวิทยา , การแสดงหมอลำกลอนย้อนยุค, การแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP และนิทรรศการ วิถีชีวิตชาวบ้านโคกคอน”  ซึ่งชาวบ้านทุกคนในหมู่บ้านจะแต่งกายพื้นเมืองย้อนยุคเข้าร่วมกิจกรรม
     สำหรับบ้านโคกคอนปัจจุบันยังมีโบราณวัตถุและโครงกระดูกมนุษย์ แต่ไม่ทำการขุดขึ้นมา จะทำการถมดินปิดไว้เพื่อรักษาเป็นสมบัติของแผ่นดิน หากชาวบ้านจะทำการขุดหรือก่อสร้างจะต้องขออนุญาตทุกครั้ง  ส่วนโบราณวัตถุและโครงกระดูกมนุษย์ที่ขุดพบ ได้แก่ หินขัด หัวธนูหิน ซึ่งเป็นโบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ยุคหิน ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นมนุษย์ยุคโลหะ , หม้อดินเผาลายเขียนสียุคบ้านเชียง และหม้อดินเผาแบบลายเล็บขูด ลายเชือกทาบ รวมทั้งเครื่องประดับหินแก้ว ลูกปัด และกำไล  นักท่องเที่ยวหรือประชาชนที่สนใจสามารถไปเที่ยวงานนี้ได้ในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ ที่บ้านโคกคอน อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย











วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2557

หนองคาย - องค์การบริหารส่วนตำบลโคกคอน ขอเชิญชมการแสดง แสง สี เสียง ประกอบจินตนาการ “บรรพวิถีชีวีอีสาน แหล่งโบราณคดี บ้านโคกคอน ถวายพระพรวงศ์จักรีนฤบดินทร์” ประจำปี 2557


     องค์การบริหารส่วนตำบลโคกคอน อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย  กำหนดจัดงานแสดง แสง สี เสียง ประกอบจินตนาการ เรื่อง บรรพวิถีชีวีอีสาน  แหล่งโบราณคดี บ้านโคกคอน ถวายพระพรวงศ์จักรีนฤบดินทร์เพื่อเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของชาวบ้านโคกคอนจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ต้นกำเนิดของพิพิธภัณฑ์บ้านโคกคอน  ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2557 อีกทั้งเพื่อเปิดพิพิธภัณฑ์บ้านโคกคอน ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และเป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการ

     นอกจากนี้ ในงานยังมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย อาทิ การประกวดดนตรีพื้นบ้านอีสาน ประเภทเครื่องดนตรีพิณ  แคน  โหวด รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี และอายุ 15 ปีขึ้นไป ชิงโล่รางวัลและเกียรติบัตรจาก ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย , การแสดง วงดนตรีโปงลางสีทันดร  ของโรงเรียนโคกคอนวิทยา ,การแสดงหมอลำกลอนย้อนยุค คุณแม่บุญช่วง เด่นดวง พร้อมคณะ ,ชมบวนแห่การแต่งกายย้อนยุค  ยิ่งใหญ่ตระการตา จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน พร้อมเลือกสินค้า OTOP และการจัดนิทรรศการ วิถีชีวิตชาวบ้านโคกคอนในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2557 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป ณ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลโคกคอน  ต.โคกคอน  อ.ท่าบ่อ  จ.หนองคาย

ผู้ว่าหนองคาย พร้อมคณะ ลงพื้นที่สำรวจ “หนองหัวเรือ” ต.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ ที่มีสภาพตื้นเขิน เพื่อรวบรวมข้อมูลแก้ปัญหาน้ำแล้ง หลังผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านถวายฎีกาขอความช่วยเหลือ

       นายสุชาติ นพวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักชลประทาน จังหวัดหนองคาย นายอนุรัฐ ไทยตรง นายอำเภอท่าบ่อ นายสาคร ธิวะโต รองนายก อบต.ท่าบ่อ ส่วนราชการอำเภอท่าบ่อ เจ้าหน้าที่ อบต.ท่าบ่อ ลงพื้นที่สำรวจแหล่งน้ำ หนองหัวเรือบริเวณวัดนาโพธิ์ บ้านนาโพธิ์ หมู่ที่ 1 ต.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสาธารณะขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ตำบลท่าบ่อ และตำบลน้ำโมง กว่า 1,000 ไร่ แต่มีสภาพตื้นเขินไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ หลังจากที่ นายลำดวล ทูลธรรม ผู้ใหญ่บ้านนาโพธิ์ หมู่ที่ 1 พร้อมชาวบ้าน ได้ยื่นเรื่องถวายฎีกาไปยังสำนักราชเลขา เพื่อของบในโครงการพระราชดำริ มาทำการขุดลอกแหล่งน้ำดังกล่าว เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำแล้งให้กับชาวบ้านและเกษตรกร เพื่อรักษาที่สาธารณะประโยชน์ไม่ให้ราษฎรบุคลุก
     นายลำดวล ทูลธรรม ผู้ใหญ่บ้านนาโพธิ์ หมู่ที่ 1 กล่าวว่า หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านทำอาชีพการเกษตร เช่น ปลูกข้าว พืชผักและเลี้ยงสัตว์ โดยมีพื้นที่ทำการเกษตรประมาณ 1,500 ไร่ ซึ่งอยู่ติดกับหนองหัวเรือ และเมื่อปี 2555 จังหวัดหนองคายได้มาทำการขุดลอกหนองหัวเรือบางส่วน แต่พื้นที่ที่ขุดไม่อยู่ในบริเวณที่สามารถนำน้ำมาใช้ประโยชน์ได้ ไม่สามารถซับน้ำได้เพียงพอตามความต้องการ พื้นที่ทำการเกษตรจึงไม่มีน้ำปลูกพืชเป็นอาชีพ จากที่เคยมีน้ำใช้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้เหลือเพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ ต้องขอใช้น้ำจากกรมชลประทานบางส่วนที่มีคลองส่งน้ำผ่านมาในพื้นที่ แต่ก็ยังไม่เพียงพอและทำให้ประสบปัญหา ทางองค์การบริหารส่วนตำบลท่าบ่อก็ไม่มีงบประมาณในการขุดลอก เพื่อกักเก็บน้ำให้ชาวบ้านและเกษตรกรได้ใช้ประโยชน์ จึงได้ยื่นเรื่องถวายฎีกาไปยังสำนักราชเลขา และหากได้รับพระราชทานโครงการ เนื้อที่ 80 ไร่ ชาวบ้านในตำบลท่าบ่อ 5 หมู่บ้าน 712 ครัวเรือน กว่า 2,700 คน และชาวบ้านในตำบลน้ำโมง 4 หมู่บ้าน 360 ครัวเรือน กว่า 1,500 คน ก็จะได้ประโยชน์มีน้ำในการทำการเกษตร และปลูกพืชเป็นอาชีพเสริมได้ตลอดทั้งปี ซึ่งจะทำให้ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
     นายสุชาติ นพวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า เบื้องต้นได้ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจพื้นที่ในการขุดลอกให้ชัดเจนว่ามีพื้นที่เท่าไหล่กี่ไร่ ที่จะทำการขุดลอกจริง พร้อมทั้งหาแนวทางในการดำเนินการแก้ไขปัญหาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และทำรายงานต่อสำนักราชเลขา เพื่อกราบบังคมทูลถวายฏีกาไปยังสำนักราชวัง หากโครงการขุดลอกแล้วเสร็จ ชาวบ้านและเกษตรกรก็จะสามารถทำนา และปลูกพืชผักเป็นอาชีพเสริมได้ตลอดทั้งปี ซึ่งจะทำให้ชาวบ้านมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น.



ทหารกองกำลงรักษาความสงบจังหวัดหนองคาย สนธิกำลัง 4 ฝ่าย ปฏิบัติการยึดคืนผืนป่าสงวนแห่งชาติ 130 ไร่ รวบผู้บุกรุกได้ 6 คน


     วันที่ 28 ต.ค.57 ร้อยโทสันติพงษ์  ทองวิเศษ  ผู้บังคับกองร้อยรักษาความสงบ ที่ 1 ร้อยตรีชำนาญ  นาใต้  หมวดรักษาความสงบที่ 3 กองกำลงรักษาความสงบจังหวัดหนองคาย ร่วมกับ ฝ่ายปกครอง อ.โพธิ์ตาก เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และชุดอาสาพิทักษ์รักษาป่าและสิ่งแวดล้อมอำเภอโพธิ์ตาก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง ปฏิบัติการยึดคืนผืนป่าบริเวณภูหลังลาด ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าพรานพร้าว-แก้งไก่  อยู่ในเขต ต.ด่านศรีสุข อ.โพธิ์ตาก ถูกบุกรุก จำนวน 130 ไร่ ที่ถูกนายทุนและชาวบ้านเข้าบุกรุกปลูกมันสำปะหลัง  ซึ่งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ติดแผ่นป้ายประกาศตรวจยึดพื้นที่บุกรุกซึ่งปลูกมันสำปะหลัง จำนวน 25 ไร่  เมื่อ 8 พ.ค. 57 ที่ผ่านมา  แต่กลับพบว่ายังมีการบุกรุกผืนป่าอย่างต่อเนื่องจากเดิมกว่า 105 ไร่   และสามารถจับกุมผู้บุกรุกได้ 6 คน ทั้งหมดเป็นชาว จ.อุดรธานี พร้อมรถยนต์กระบะ TOYOTA หมายเลขทะเบียน บน 5347  อุดรธานี รถจักรยานยนต์ 3 คัน จอดอยู่ในพื้นที่ โดยมี นางหนูจร  จันทรบุตร อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 285 หมู่ 1 บ้านศรีสำราญ ต.ศรีสำราญ อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี รับเป็นเจ้าของ และรับว่าตนได้ซื้อที่ดินแปลงนี้มาจาก นางรุ่งตะวัน  ศักดิ์ศรีกรม  อยู่บ้านเลขที่ 171 หมู่ 1 ต.หนองเลิง อ.เมือง จ.บึงกาฬ  จำนวน 130  ไร่ ในราคา 850,000  บาท  และได้เสียภาษีดอกหญ้าให้กับ อบต.คำด้วง ต.บ้านผือ จ.อุดรธานี โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐบางคนได้ประโยชน์ให้โอกาสตนเข้าไปเก็บเกี่ยวผลผลิตออกจากพื้นที่ เมื่อตนเก็บเกี่ยวแล้วก็ได้มีการปลูกมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นอีก และก็มาถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมดังกล่าว

     เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ยืนยันว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าพรานพร้าว-แก้งไก่ อยู่ในเขต ต.ด่านศรีสุข อ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย ซึ่งได้มีผู้บุกรุกเพิ่มจากเดิมที่ตรวจยึดไว้ 25 ไร่ เป็น 130ไร่ ซึ่งถือว่าเป็นการบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติรายใหญ่  จึงควบคุมตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์ตากดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป















กองกำลังรักษาความสงบจังหวัดหนองคาย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และอาสาพิทักษ์ป่าและสิ่งแวดล้อม ยืนยันเดินหน้าทวงคืนผืนป่า โดยใช้กฎอัยการศึก เอาผิดกับผู้บุกรุก ครอบครอง เพื่อแก้ปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้อย่างยั่งยืน ตามนโยบาย คสช.

     เจ้าหน้าที่จากกองกำลังรักษาความสงบจังหวัดหนองคาย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และอาสาพิทักษ์ป่าและสิ่งแวดล้อม เดินเท้าสำรวจป่าหลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า บริเวณภูผาดัก ภูหลังลาด และภูถ่ำบก ซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พรานพร้าว-แก้งไก่ และป่าอนุรักษ์ตามโครงการพระราชดำริฯ  ถูกนายทุนและชาวบ้านบุกรุกจำนวนมาก ซึ่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางคนอยู่เบื้องหลัง และเรียกเก็บเงินจากผู้บุกรุก จึงเข้าทำการตรวจสอบพบว่าป่าสงวนฯ ได้ถูกบุกรุกแผ้วถ่างและโค่นไม้ จำนวนหลายจุด โดยพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เป็นรอยต่อระหว่าง 3 อำเภอ คือ อ.โพธิ์ตาก อ.ศรีเชียงใหม่ และ อ.สังคม ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ นค.2 (สังคม) ที่ผ่านมา พื้นที่ป่าสงวน และป่าอนุรักษ์ ดังกล่าว ถูกนายทุนและชาวบ้านบุกรุกจำนวน หลายแปลงและต่อเนื่อกินบริเวณกว้าง เพื่อนำที่ดินมาทำการเกษตร ปลูกยางพารา มันสำปะหลังและถือครองแทนนายทุน ส่วนคนที่ไม่มีที่ดินทำกินนั้นมีโอกาสน้อยที่เข้าไปในเขตป่าได้ ส่วนมากจะเป็นผู้ที่มีอันจะกินที่เข้าไปบุกรุก
     นอกจากนั้นยังพบร่องรอยการตัดไม้หวงห้ามในเขตป่าซึ่งเป็นป่าต้นน้ำ และยังพบมีการจงใจบุกรุกป่าด้วยการย้ายหลักแนวเขตป่าเข้าไปให้ได้มากและลึกที่สุด เมื่อนำแผนที่มาเทียบพบว่าบุกรุกชัดเจน และให้เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการแจ้งความเอาผิดกับผู้ที่บุกรุก ซึ่งชาวบ้านยินดีที่จะออกจากพื้นที่แต่ต้องให้ดำเนินการกับทุกคนโดยเฉพาะนายทุน

     ทางเจ้าหน้าที่ทหาร ประกาศ ที่จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดและเข้าขอคืนพื้นที่ในทันที เพื่อฟื้นคืนสภาพความเป็นป่า ในพื้นที่รับผิดชอบ และเดินหน้าตรวจสอบผืนป่าที่ถูกบุกรุกทำลาย พร้อม เอาผิดกับผู้กระทำความผิด โดยอาศัยกฏอัยการศึกในการปฏิบัติและดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับผู้ที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนและป่าอนุรักษ์ต้นน้ำตามโครงการพระราชดำริ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย ของรัฐบาล. ในการแก้ไขปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้ การบุกรุกที่ดินของรัฐ และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนต่อไป