วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557

หนองคาย - รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานการใช้โรงอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ ในการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มรายได้ของกลุ่มอุตสาหกรรมชุมชน


     วันที่ 21 ก.ย. 57 ที่กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านโคกป่าฝาง หมู่ที่ 3 ตำบลปะโค อำเภอเมืองหนองคาย ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน  กระทรวงพลังงาน  พร้อมคณะลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานการใช้โรงอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ แบบเรือนกระจก เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมชุมชนที่กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านโคกป่าฝาง ซึ่งเป็น 1 ใน 8 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ได้รับการคัดเลือกติดตั้งโรงอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อใช้ในการแปรรูปอาหาร ประเภทปลาอบรมควัน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ทางกลุ่มได้ดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2545
     ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มแม่บ้านฯ จะทำการอบแห้งปลาโดยการตากแดดตามธรรมชาติ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ตากแห้งได้มีการปนเปื้อนจากการรบกวนของแมลง ฝุ่นละออง และการเปียกฝน ผลิตภัณฑ์เน่าเสีย ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐานสำหรับการส่งออกไปจำหน่าย  ถึงแม้จะมีการนำเครื่องอบแห้งแบบใช้แก๊สหรือใช้ถ่านเป็นเชื้อเพลิง แต่จากราคาแก๊สและถ่าน เพิ่มสูงขึ้นทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ก่อให้เกิดมลพิษกับสิ่งแวดล้อม  การแปรรูปอาหารต้องใช้เวลานานกว่าจะได้สินค้าออกสู่ตลาด และเก็บไม่ได้นาน


     ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน  กระทรวงพลังงาน  กล่าวว่า   กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ได้สนับสนุนโรงอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ แบบเรือนกระจก ให้กับกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านโคกป่าฝาง  สามารถลดระยะเวลาอบแห้ง 3-4 เท่า เนื่องจากสมัยก่อนจะใช้เวลาตากแดดจัด ๆ ถึง 2 วัน แต่ปัจจุบัน ใช้เวลาเพียง 6-8 ชม.  ซึ่งช่วยลดต้นทุนปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้า แก๊ส และถ่าน ที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ประมาณ 30-40 %  อีกทั้ง ยังสามารถผลิตได้ตลอดเวลาไม่ต้องกลัวว่าฝนจะตกหรือไม่มีแดด ก็ยังสามารถผลิตได้ และเพิ่มผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้มากขึ้น สินค้ามีคุณภาพ สะอาด และปลอดภัยด้วย.










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น