วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หนองคาย - เจ้าหน้าที่กู้ภัย จับงูเหลือมตัวใหญ่ ยาว 5 เมตร หลังเลื้อยเข้ามาแอบกินไก่ของชาวบ้าน


      วันที่ 25 พ.ย. 57 ที่บริเวณหน้าศูนย์สมาคมกู้ภัยร่วมใจท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมใจท่าบ่อ ได้ช่วยกันจับงูเหลือมตัวใหญ่ ขนาดความยาวกว่า 5 เมตร น้ำหนักประมาณ 50 กิโลกรัม หลังจากอาสาสมัครกู้ภัยจับงูหลามตัวนี้มาจาก บ้านนาโพธิ์ หมู่ 1 ต.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ขณะผู้ที่พบเห็นได้เดินไปหาฟืนอยู่ข้างบ้าน พบงูเหลือมดังกล่าวไปแอบนอนขดอยู่ข้างเล้าไก่ เพื่อกินไก่ของชาวบ้าน จึงได้แจ้งให้อาสาสมัครกู้ภัยมาช่วยกันไล่ตามจับ โดยใช้เวลาครึ่งชั่วโมงจึงจับได้ และนำงูดังกล่าวไปปล่อยกับคืนสู่กลับธรรมชาติต่อไป

     การจับงูเหลือมตัวดังกล่าว คาดว่าช่วงนี้เข้าสู่หน้าแล้ง  งูอาจจะหนีจากแหล่งอาหารตามธรรมชาติเข้ามายังแหล่งอาหารในชุมชน เพื่อออกมาหากินสัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน เนื่องจากอาหารตามแหล่งธรรมชาติมีจำนวนน้อยและหายากขึ้น ดังนั้นจึงอยากเตือนประชาชนที่มีบ้านเรือนที่อยู่ใกล้เขตชายป่า ให้มีความระมัดระวังให้มากขึ้น เพราะถ้าเป็นงูเหลือมหรืองูชนิดอื่นเลื้อยเข้ามาหาอาหารในลักษณะดังกล่าว ก็อาจจะถูกทำร้ายได้

วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หนองคาย - นักท่องเที่ยวทยอยชมบรรยากาศทะเลหมอก หรือ “หมอกมีชีวิต” บนยอดภูผาดัก แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางธรรมชาติแห่งใหม่ของจังหวัดหนองคาย ที่หลายคนไปชมแล้วไม่ผิดหวัง ยืนยันสวยมากต้องกลับมาอีก


     ที่ภูผาดัก บ.ม่วง ต.บ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย แม้ว่าอุณหภูมิปีนี้จะลดต่ำลงช้ากว่าทุกปี เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 20-23 องศาเซลเซียส  แต่ก็มีนักท่องเที่ยวต่างทยอยเดินทางขึ้นไปชมบรรยากาศทะเลหมอก อย่างต่อเนื่อง เมื่อยืนอยู่บนหน้าผาภูผาดัก จะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ทอแสงอย่างสวยงามท่ามกลางทะเลหมอกที่ไหลผ่านยอดเขา   ส่วนวันไหนทะเลหมอกเลือนลาง จะมองเห็นเบื้องล่างเป็นบรรยากาศเกาะแก่งในลำน้ำโขงทอดยาว สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยว  ต่างถ่ายภาพเก็บความประทับใจไว้
      นายอดิศักดิ์  เบ้าแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านม่วง   กล่าวว่า อำเภอสังคม เป็นอำเภอที่อยู่ติดลำน้ำโขงและเป็นพื้นที่ราบสูง มีภูเขา ทำให้มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางธรรมชาติ ที่น่าสนใจ แม้ปีนี้อุณหภูมิจะหนาวช้ากว่าทุกปี อบต.บ้านม่วง ก็ได้เปิดเส้นทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบเดินป่าสัมผัสกับธรรมชาติยามเช้า และชมทะเลหมอกที่สวยงาม จุดชมวิวจะเป็นยอดผา”ภูผาดัก”  เมื่อขึ้นไปแล้วสามารถมองเห็นทะเลหมอกยามเช้าเป็นบริเวณกว้าง พระอาทิตย์ทอแสงผ่านยอดเขาของฝั่งประเทศเพื่อนบ้านให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกัน เมื่อนักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสแล้ว ต่างก็จะบอกว่า เป็น หมอกมีชีวิตเพราะหมอกจะเคลื่อนตัวไปตามซอกเขา เหมือนน้ำไหล ปีนี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวที่สนใจอยากมาสัมผัสหมอกมีชีวิตที่บนยอดภูผาดัก ก็สามารถติดต่อไปที่ องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านม่วง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย
     การขึ้นชมทะเลหมอกบน”ภูผาดัก” ขึ้นได้ 2 วิธี คือ นั่งรถอีแต๋นไต่ขึ้นไปตามไหล่เขา ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.  และวิธีเดินเท้าเป็นวิธีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการเดินป่าที่จะได้สัมผัสกับธรรมชาติ ซึ่งใช้เวลา ประมาณ 30- 45 นาที ก็ถึงยอดผา”ภูผาดัก” 

















วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หนองคาย - กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเทศบาลเมืองท่าบ่อ จัดอบรมภาษาสู่อาเซี่ยน

     วันนี้ (22 พ.ย. 57) ที่ห้องประชุมอาคารศูนย์วัฒนธรรมเทศบาลเมืองท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นายประพาส นครภักดี นายกเทศมนตรีเมืองท่าบ่อ ได้เป็นประธานกล่าวเปิดอบรมภาษาสู่อาเซี่ยน โดยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเทศบาลเมืองท่าบ่อ ดำเนินการจัดขึ้น เพื่อบริการฝึกทักษะด้านภาษาและเตรียมพร้อมสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 แก่กลุ่มสตรี เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป จำนวน 2 ภาษา   ประกอบด้วย ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร และภาษาเวียดนาม
     นายประพาส นครภักดี นายกเทศมนตรีเมืองท่าบ่อ กล่าวว่า เมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เรื่องของภาษามีความจำเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น การสร้างโอกาสเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ จำเป็นต้องเพิ่มทักษะทางด้านภาษาอังกฤษให้มากขึ้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนควรรู้  ยิ่งรู้มาก  ยิ่งเพิ่มศักยภาพให้กับตัวเอง ให้สามารถติดต่อสื่อสารได้

     ส่วนตัวมองว่า แม้ภาษาอังกฤษจะเป็นภาษากลางของอาเซียน แต่ภาษาเวียดนามก็มีความสำคัญเช่นกัน เนื่องจากในพื้นที่มีชาวเวียดนามมาอาศัยอยู่กันจำนวนมาก และมีเขตชายแดนที่ใกล้กัน ไปมาหาสู่กันตลอดมา จึงควรให้ความสนใจในการศึกษาภาษาเวียดนามเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ควรสร้างโอกาสการเรียนรู้ภาษาประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างโอกาสให้ตนเองสามารถทำงานในประเทศเพื่อนบ้านได้ด้วย. 




หนองคาย - หน่วยเรือรักษาความสงบตามลำน้ำโขง ร่วมกับ กองกำลังรักษาความสงบจังหวัดหนองคาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ จับ 2 หนุ่มชาว จ.เลย พร้อมกัญชาแห้งอัดแท่ง 10 กิโลกรัม สารภาพได้ค่าจ้าง 500 บาท


     วันนี้ (22 พ.ย. 57) ที่สถานีเรืออำเภอเมืองหนองคาย หน่วยเรือรักษาความสงบตามลำน้ำโขง เรือเอกเจตนิพิฐ ปานนิ่ม หัวหน้าสถานีเรืออำเภอเมืองหนองคาย ร่วมกับ กกล.รส.หนองคาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ. ฝ่ายปกครอง ตชด.245 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง จับกุม นายคิมหันต์ วันเสาร์ และ นายมานพ ศรีเตชะ ทั้งสองเป็นชาวอำเภอผาขาว จ.เลย พร้อมกัญชาแห้งอัดแท่งจำนวน 10 แท่ง( 10 กก.) บรรจุในถุงพลาสติกสีดำ พร้อมรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีเทา ดำ หมายเลขทะเบียน กษก 303 เลย โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ได้ที่บริเวณถนนพนังชลประทานบ้านสีกาย หมู่ 2 ต.หินโงม อ.เมืองหนองคาย ขณะที่ทั้งสองขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปรับกัญชา ซึ่งมีผู้นำมาวางไว้ริมถนนเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวมาทำการสอบสวน ที่สถานีเรืออำเภอเมืองหนองคาย
     การสอบสวนทั้งสองรับรับสารภาพว่า พวกตนขับรถคันดังกล่าวมาหาซื้อกัญชา และพบกับชายคนหนึ่งไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 40 ปี พวกตนจึงได้เข้าไปถามซื้อกัญชา แต่ชายคนนั้นบอกว่ามีและได้ว่าจ้างพวกตน 500 บาท และจะแบ่งกัญชาให้ไปเสพอีกจำนวนหนึ่ง แล้วให้พวกตนนำกัญชาไปวางไว้ที่ใต้ต้นเสาไฟฟ้านับไปอีก 10 ต้น โดยชายคนนั้นขับรถจักรยานยนต์นำหน้าพวกตนและชี้จุดที่กัญชาอยู่ แล้วขับรถออกไปจากพวกตน  จากนั้น ได้จอดรถเดินไปหยิบเอาถุงพลาสติกสีดำที่ซุกกัญชาไว้ด้านใน และก็มาถูกจับกุมดังกล่าว
     เจ้าหน้าที่จึงได้ตั้งข้อกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย และควบคุมตัวพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสวน สภ.บ้านเดื่อ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.


วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หนองคาย - อาจารย์และนักศึกษาแผนกอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยเทคนิคหนองคาย ทดลองนำพลังงานจากถ่านฟืนไปใช้ขับเคลื่อนรถสามล้อเครื่อง ภายใต้ชื่อ รถพลังงานจากถ่านฝืน สามารถแล่นได้ อนาคตหวังพัฒนาให้เกษตรกรและประชาชนได้ใช้พลังงานทางเลือกใหม่ที่หาง่ายในท้องถิ่น ลดต้นทุนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซที่มีราคาสูงขึ้นทุกวัน


     ที่ วิทยาลัยเทคนิคหนองคาย นายสิทธิไชย สิงห์มหาไชย อาจารย์ประจำสาขาวิชาอิเลคทรอนิกส์ กล่าวว่า จากสภาพปัญหาในปัจจุบัน น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซ มีที่ราคาสูงขึ้นหรืออาจจะหมดไปในอนาคต จึงมีแนวคิดที่จะหาพลังงานทดแทนที่หาง่ายในท้องถิ่น แม้ว่าจะมีผู้คิดค้นนำก๊าซชีวภาพจากมูลสัตว์หรือก๊าซจากการเผาไหม้วัสดุต่าง ๆ มาเป็นพลังงานทดแทน ตนและนักศึกษาสาขาวิชาอิเลคทรอนิกส์ พร้อมด้วยวิศวกรอิสระชาวต่างชาติ จึงได้ร่วมกันคิดค้นทดลองนำเอาถ่านฟืนที่ใช้หุงต้มในชีวิตประจำวันมาสร้างนวัตกรรมใหม่ ด้วยการเปลี่ยนคาร์บอนเป็นพลังงาน โดยการนำถ่านไม้ไปย่อยให้ได้ขนาดประมาณ 1 ซม. แล้วนำไปบรรจุลงถังก๊าซหุงต้มขนาด 15 กก. ซึ่งได้ดัดแปลงเป็นเตาปฏิกรณ์ ที่นำไปติดตั้งแทนถังน้ำมันเชื้อเพลิงของรถสามล้อเครื่อง จำนวน 5 กก. เป็นระบบแก๊สซิไฟเออร์โดยใช้ถ่านฟืนเป็นเชื้อเพลิง โดยได้ทดสอบกับเครื่องยนต์สามารถขับเคลื่อนได้ปกติ ซึ่งเชื้อเพลิงถ่านไม้ จำนวน 1 กก. จะสามารถวิ่งได้ ประมาณ 25-30 กิโลเมตร ถ่านไม้ 2 กก. ราคาประมาณ 10 บาท เทียบเท่ากับใช้น้ำมันเบนซิน 1 ลิตร  ถ่านฝืนไม่เพียงนำไปใช้ในการประกอบอาหารเท่านั้น แต่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบอื่นได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งผลการทดลองใช้กับรถสามล้อสามารถวิ่งได้ตามปกติ

     ซึ่งทางอาจารย์และนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคหนองคาย จะได้พัฒนาระบบแก๊สซิไฟเออร์ ซึ่งใช้ถ่านฟืนเป็นเชื้อเพลิงต่อไป อนาคต หวังให้เกษตรกรหรือประชาชนทั่วไปสามารถนำไปใช้ได้ ซึ่งจะสามารถลดต้นทุนจากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และเป็นพลังงานทางเลือกใหม่ของเกษตรกรในอนาคต.

หนองคาย - บรรณาธิการข่าวออนไลท์หนองคาย พร้อมผู้สื่อข่าว ยอมนำช่อดอกไม้กล่าวขอโทษต่อประธานสภาเมืองท่าบ่อ กรณีฟ้องหมิ่นประมาท และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ประธานฯ บอกรับไม่ได้เขียนข่าวกระทบเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ก็ให้อภัยหลังคู่กรณีหอบดอกไม้ขอโทษ ติงจะเขียนข่าวควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนนำเสนอข่าว โดยไม่ยอมให้ผู้สื่อข่าวแขนงอื่นเข้าไปทำข่าว


     เวลา 10.30 น. วันนี้ (21 พ.ย. 57) นายมานะชาย เจริญสุข ประธานสภาเทศบาลเมืองท่าบ่อ จ.หนองคาย ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้นายภัทรวินทร์ ลีปาน (โจ้) บรรณาธิการข่าวออนไลน์หนองคาย นายกิตติศักดิ์ ขันตี (ปุ๊) ผู้สื่อข่าวออนไลท์หนองคาย พร้อมนายวสันต์ พานจันทร์ ทนายความของฝ่ายข่าวออนไลน์หนองคาย เข้ามอบช่อดอกไม้ให้กับตนและกล่าวคำขอโทษ กรณีได้เขียนข่าวโจมตีตนทางสื่อฯ เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2556 ว่าประธานสภาฯไม่พอใจที่สื่อเข้าไปทำข่าวการประชุมสภาเทศบาลเมืองท่าบ่อ ซึ่งตอนนั้นเป็นการประชุมสภาเทศบาลเมืองท่าบ่อ สมัยสามัญ สมัยที่ 2 ประจำปี 2556  ซึ่งตนยอมรับไม่ได้ที่เขียนข่าวกระทบและเสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะไม่เป็นความจริง เล่นการเมืองท้องถิ่นมานานไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.ท่าบ่อ เพื่อดำเนินคดีต่อสำนักข่าวดังกล่าว ด้วยข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
     นายมานะชายฯ ได้เปิดเผยอีกว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2557 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดหนองคายได้ออกหมายเรียกเพื่อพิจารณาในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1248/2557 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดหนองคาย (โจทก์) กับนายกิตติศักดิ์ ขันตี (ปุ๊) จำเลย ที่ 1 กับพวกคือนายภัทรวินทร์ ลีปาน (โจ้) จำเลยที่ 2 ซึ่งผู้พิพากษาศาลฯ ได้ทำการเบิกความนานถึง 1 ชั่วโมง โดยที่ฝ่ายทนายความของฝ่ายจำเลยไม่มีคำโต้แย้งใดๆ ผู้พิพากษาฯ จึงได้พิจารณาไกล่เกลี่ยคดีความ โดยฝ่ายจำเลยทั้งสองได้ยอมความพร้อมที่จะกล่าวขอขมาและขอโทษในเรื่องที่เกิดขึ้น และยอมลงข่าวขอโทษทางสื่อออนไลท์หนองคาย พร้อมชดเชยค่าเสียหายเป็นเงิน 5,000 บาท ตามที่ฝ่ายโจทก์ร้องขอ ตนจึงได้ถอนคำฟ้องในเวลาต่อมา
     และวันนี้ นายภัทรวินทร์ ลีปาน (โจ้) และนายกิตติศักดิ์ ขันตี (ปุ๊) พร้อมทนายความ ได้ทำตามที่ศาลสั่ง โดยนำช่อดอกไม้มาขอขมาและขอโทษตน ภายในห้องทำงานของนายกเทศมนตรีเมืองท่าบ่อ โดยมีนายประพาส นครภักดี นายกเทศมนตรีเมืองท่าบ่อ สมาชิกสภาเทศบาลฯ ที่ปรึกษานายกเทศมนตรี ร่วมเป็นพยาน โดยมีนายภัทรวินทร์ ลีปาน (โจ้) ได้อ่านร่างคำกล่าวขอโทษที่มีใจความว่า การเดินทางมาในวันนี้ เพื่อต้องการมาขอโทษคุณมานะชาย เจริญสุข ประธานสภาเทศบาลเมืองท่าบ่อ หลังจากข่าวออนไลน์หนองคาย ได้นำเสนอข่าว สื่อมวลชนสุดมึนหลังประธานสภาเทศบาลเมืองท่าบ่อ ไม่พอใจที่สื่อเข้าไปทำข่าวการประชุมสภาเทศบาลเมืองท่าบ่อ ด้านชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างพากันไม่เข้าใจเพราะการประชุมสภาเทศบาลฯ ชาวบ้านมีสิทธิรับรู้ทุกเรื่องผ่านการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน เพราะผลของการประชุมมีผลโดยตรงต่อชาวบ้านในเขตเทศบาลเมืองท่าบ่อ ไปเมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2556  โดยภายหลังมีการนำเสนอข่าวออกไป ได้สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับคุณมานะชายเป็นอย่างมาก เนื่องจากในวันดังกล่าวคุณมานะชายไม่ได้ตำหนิการเข้ามาทำข่าวของสื่อมวลชน แต่ได้มี สท.คนหนึ่งในที่ประชุมยกมือขึ้นสอบถาม ซึ่งคุณมานะชายก็ได้ชี้แจงไปว่า ไม่ได้ห้ามสื่อมวลชนเข้าไปทำข่าว เพียงแต่ต้องทำให้ถูกกฎระเบียบและขั้นตอนเท่านั้น
     โดยจากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า ในวันนั้นผู้สื่อข่าวที่เข้าไปทำข่าวคือนายกิตติศักดิ์ ขันตี ผู้สื่อข่าวข่าวออนไลน์หนองคาย และได้ถูกนำเสนอข่าวออกไป และพบว่าเป็นการนำเสนอข่าวที่ผิดพลาด ตนในฐานะบรรณาธิการข่าวจึงน้อมรับความผิดพลาด โดยการเดินทางมาขอโทษและขออภัยกับคุณมานะชายในครั้งนี้
      นายมานะชายฯ เปิดเผยอีกว่า หลังจากที่ทั้งสองได้กล่าวคำขอโทษพร้อมมอบช่อดอกไม้ ซึ่งตนก็ให้อภัยทั้งสองคน และก็ได้ติติงไปว่า เมื่อผู้สื่อข่าวมีความสำนึกผิดและยอมรับความผิดพลาด ตนในฐานะผู้ใหญ่ที่อยู่ในแวดวงการเมืองมานาน เป็น สท.มาหลายสมัย จึงพร้อมยกโทษให้และถอนคำร้องทุกข์ และขอให้ครั้งนี้เป็นบทเรียนกับสื่อมวลชน เมื่อจะนำเสนอข่าวควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนนำเสนอข่าว และตนก็พร้อมเปิดกว้างให้สื่อมวลชนเข้ามาทำข่าวการประชุมสภาเทศบาลเมืองท่าบ่อได้ตลอด แต่ต้องขออนุญาตให้ถูกต้อง ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้ร่วมถ่ายภาพและจับมือประสานสามัคคีกัน ก่อนแยกย้ายกัน
     ซึ่งก่อนที่นายภัทรวินทร์ ลีปาน (โจ้) บรรณาธิการข่าวออนไลน์หนองคาย นายกิตติศักดิ์ ขันตี (ปุ๊) ผู้สื่อข่าวออนไลท์หนองคาย จะเข้ามอบช่อดอกไม้ขอขมาขอโทษต่อประธานสภาฯ ได้ให้ทนายความส่วนตัวเข้าทำความเข้าใจว่าไม่ให้ใคร คนไหน หรือนักข่าวแขนงใดเข้าไปทำข่าวอย่างเด็ดขาด เพราะอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งหลังการขอโทษ นายมานะชายฯ จึงได้เปิดเผยในเรื่องดังกล่าวต่อผู้สื่อข่าวภายหลัง.




หนองคาย - ฝ่ายปกครองอำเภอศรีเชียงใหม่ เทศบาลตำบลหนองปลาปาก ทหาร ตำรวจ ร่วมสร้างบ้านให้ครอบครัวผู้ยากไร้ หลังยื่นหนังสือร้องเรียนขอความช่วยเหลือ ได้รับความเดือดร้อนจากที่อยู่อาศัยและขาดแคลนทุนทรัพย์ในการก่อสร้าง

     วันที่ 19 พ.ย. 57 นายไพฑูรย์ จิตต์สุทธิผล นายอำเภอศรีเชียงใหม่ นายฉลอง คำแสง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหนองปลาปาก ร้อยตรีวิวรรธน์  อรรคบาล ผู้บังคับหมวดรักษาความสงบ ที่ 2 กองกำลังรักษาความสงบจังหวัดหนองคาย นำกำลังเจ้าหน้าที่ในสังกัดและตำรวจ สภ.ศรีเชียงใหม่ เข้าทำการก่อสร้างบ้านให้แก่ครอบครัวของ นางสาวสงกรานต์ การินทร์ อายุ 65 ปี ที่บ้านเลขที่ 112/1 หมู่ 6 บ้านไทยสามัคคี ต.หนองปลาปาก อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย หลังนางสาวสงกรานต์ฯ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนขอความช่วยเหลือไปยังเทศบาลตำบลหนองปลาปาก ว่าได้รับความเดือดร้อนจากที่อยู่อาศัยและขาดแคลนทุนทรัพย์ในการก่อสร้างบ้าน และประกอบกับสภาพร่างกายก็ไม่แข็งแรง โดยบ้านหลังดังกล่าว นางสาวสงกรานต์ฯ ได้อาศัยอยู่กับหลานสาวอายุ 10 ปี อีก 1 คน ซึ่งบ้านหลังเดิมเป็นบ้านไม้ได้ทำการรื้อถอนมาแล้ว 5 ปี เนื่องจากที่ดินอยู่เดิมได้ถูกนายทุนยึดและขับไล่ออกจากพื้นที่
     นางสาวสงกรานต์ฯ กล่าวว่า เมื่อก่อนตนทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ไม่เคยกลับมาอยู่ที่บ้าน จนกระทั่งแม่ของตนได้เสียชีวิตลงจึงได้กลับมาอยู่ที่บ้านเกิด แต่ปรากฏว่าที่ดินผืนนาและที่อยู่อาศัย จำนวน 27 ไร่ แม่ของตนได้นำไปจำนองไว้กับนายทุนในราคา 250,000 บาท เมื่อปี พ.ศ. 2542 แต่เมื่อไปสอบถามปรากฏว่าเปลี่ยนเป็นสัญญาขายไปแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2544 เมื่อตนจะขอไถ่ถอนคืนก็ถูกนายทุนเรียกเงินถึง 500,000 บาท และเมื่อไปพูดคุยต่อรองราคากลับอบอกมาว่า มีเงิน 3 ล้านบาท ก็มารับโฉนดไปเลย ซึ่งปัจจุบันนายทุนได้เรียกมาที่ 3 ล้าน 5 แสนบาท ตนไม่รู้จะทำอย่างไร จนปัญญาที่จะหาเงินมาเอาที่นาคืนได้ รายได้ก็ไม่มี จะมีก็แต่น้องสาวส่งเงินมาให้ใช้เดือนละ 2,000 บาท และเงินผู้สูงอายุอีกจำนวน 600 บาท พอประทังชีวิต 2 ป้าหลาน ก็ได้แต่เดินทางไปวิงวอนขอร้องกับนายทุน ขอแบ่งปันที่อยู่พอเป็นที่อาศัย ซึ่งก็เดินทางไปหลายครั้ง ในที่สุดนายทุนก็ยอมแบ่งให้จำนวนหน้ากว้าง 15 เมตร และยาว 80 เมตร รวมแล้ว 1 ไร่เศษ  ตนก็ไม่มีปัญญาที่จะสร้างบ้านได้เพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ในการก่อสร้าง จึงได้เขียนหนังสือร้องเรียนขอความช่วยเหลือไปยังเทศบาลตำบลหนองปลาปาก ให้มาช่วยเหลือ
     ด้านนายไพฑูรย์ จิตต์สุทธิผล นายอำเภอศรีเชียงใหม่ กล่าวว่า วันนี้ทางอำเภอศรีเชียงใหม่ ร่วมกับหลายๆ หน่วยงาน โดยเฉพาะทางหารและทางเทศบาลตำบลหนองปลาปาก ก็ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยในการซ่อมแซมบ้านให้กับคุณสงกรานต์ฯ การินทร์ ซึ่งเป็นผู้สูงอายุที่ไม่มีคนดูแลและก็เดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัย เนื่องจาที่ดินที่เคยเป็นของตนเองนั้นคุณแม่ได้ขายฝากไป และก็ได้ถูกผู้ให้กู้หรือนายทุนได้ยึดไป ทำให้ไม่มีที่ทำกิน ตอนนี้ก็ได้อาศัยเงินจากน้องช่วยเหลือดูแล ทางอำเภอร่วมกับหน่วยงานที่มาวันนี้ก็ไม่ได้นิ่งดูดาย ซึ่งในเบื้องต้นนี้เราจะช่วยดูแลที่อยู่อาศัยโดยการสร้างให้ถาวรก่อน หลังจากนั้นก็จะดูแลเรื่องอาชีพเพื่อจะได้มีอาชีพที่จะเลี้ยงตัวเองได้ ซึ่งเราก็จะช่วยกัน คิดว่าคุณสงกรานต์ฯ ก็จะได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ จะทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น ซึ่งก็จะดูแลอย่างต่อเนื่องต่อไป

     นายฉลอง คำแสง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหนองปลาปาก กล่าวว่า หลังได้รับหนังสือร้องเรียนจากนางสาวสงกรานต์ฯ เทศบาลตำบลหนองปลาปาก ได้ร่วมกับทางอำเภอศรีเชียงใหม่และพัฒนาชุมชน ได้ออกสำรวจเพื่อเข้าทำการช่วยเหลือตามหนังสือร้องเรียน เพื่อทำแผนในการช่วยเหลือเบื้องต้นก่อน ซึ่งก็มีหลายส่วนเข้ามาทำการช่วยเหลือ อนาคตข้างหน้าท่าไม่ขัดระเบียบเราก็จะให้พัฒนาชุมชนของบประมาณส่วนหนึ่งของจังหวัดเข้ามาช่วยเหลือต่อไป.