วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ชาวบ้านในพื้นที่บ้านน้ำโมง ร้องเรียนเรื่องท่อระบายน้ำที่ได้ทำการก่อสร้างแล้วเสร็จของเทศบาลเมืองท่าบ่อ ยังไม่มีฝาปิด สุนัขและแมวตกลงไปตายหลายตัวแล้ว ต้องนำไม้ สังกะสี มาปิดไว้ชั่วคราว เพราะกลัวจะมีอุบัติเหตุ


     วันนี้ (22 ต.ค. 56) ชาวบ้านที่บ้านน้ำโมง เขตเทศบาลเมืองท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ได้ร้องเรียนมายังผู้สื่อข่าว ว่าเทศบาลเมืองท่าบ่อ ได้ทำการก่อสร้างท่อระบายน้ำสาธารณะจนแล้วเสร็จมานานหลายเดือน แต่บ่อพักน้ำยังเปิดท่อโล่งโจ้งหลายจุด กลัวว่าจะมีอุบัติเหตุ


     เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบ เป็นท่อระบายน้ำที่ได้ทำการก่อสร้างเสร็จแล้วดังที่ชาวบ้านบอก และยังไม่มีฝาปิดปากท่อพักจำนวน 19 จุด อยู่ริมถนนพุทธบูชา จากปากทางเข้าบ้านน้ำโมงไปจนถึงหน้าวัดศรีบุญเรือง ระยะทางประมาณ 300 เมตร โดยปากท่อพักมีขนาด 80 x 100 เซนติเมตร ลึก 3 เมตร บริเวณปากท่อมีทรายทับถมอยู่เกือบจะเต็มปากท่อและมีน้ำอยู่เต็มปากท่อ โดยชาวบ้านได้นำไม้ สังกะสี และวัสดุต่างๆที่หาได้ มาวางและปิดปากท่อเอาไว้เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ บางบ้านบ่อพักอยู่หน้าบ้าน ทำให้ไม่สามารถนำรถยนต์เข้าไปจอดภายในบริเวณบ้านได้

     
     ชาวบ้านได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ท่อระบายน้ำสาธารณะดังกล่าว เทศบาลเมืองท่าบ่อได้ทำการก่อสร้างเสร็จมานานหลายเดือนแล้ว แต่ยังไม่มีฝาท่อปิดปากบ่อพัก ทำให้สุนัขและแมวตกลงไปหลายครั้งและต้องช่วยกันนำขึ้นมา บางครั้งสุนัขและแมวก็ตายเพราะขึ้นไม่ได้ บางบ้านไม่สามารถนำรถเข้าไปจอดภายในบ้านได้ เนื่องจากบ่อพักท่อระบายน้ำอยู่หน้าบ้านพอดี เบื้องต้นชาวบ้านได้ช่วยกันหาไม้บ้าง สังกะสีบ้าง มาปิดเป็นสัญลักษณ์ห้ามเข้าไปใกล้ภายในบริเวณนั้น เพราะกลัวมีอุบัติเหตุกับเด็กและลูกหลานที่วิ่งซนแล้วตกลงไป รวมไปถึงผู้ที่ขับขี่รถต่างๆที่สัญจรไปมายังถนนเส้นนั้น อาจพลาดตกลงไปก็เป็นได้ ไม่รู้ว่าติดคัดปัญหาอะไรถึงยังไม่ดำเนินการให้เรียบร้อย จึงอยากจะให้เทศบาลเมืองท่าบ่อ เร่งดำเนินการเรื่องนี้เป็นการด่วน ก่อนที่จะมีเหตุเกิดขึ้น.   

ชาวบ้านโพนสา กราบสักการะหลวงพ่อแสนห้าและเวียนเทียนเนื่องในวันออกพรรษา ที่วัดกุมภประดิษฐ์


     เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 20 ต.ค. 56  ที่วัดกุมภประดิษฐ์ บ้านโพนสา หมู่ที่ 2 เขตเทศบาลตำบลโพนสา อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย บริเวณอุโบสถหลวงพ่อแสนห้า พระสงฆ์ สามเณรและชาวบ้าน นำโดยพระมหาสวัสดิ์ อหึสโก เจ้าอาวาสวัดกุมภประดิษฐ์ ได้จัดพิธีกราบหลวงพ่อแสนห้าและเวียนเทียนวันออกพรรษา  ซึ่งในปีนี้ได้มีประชาชนและชาวพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ เดินทางมากันตั้งแต่เย็นและมากันทั้งครอบครัว ภายในบริเวณลานวัดจึงมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังมีวัยรุ่นคนหนุ่มสาว แห่กันเข้าวัดจำนวนมาก


     โดยได้นำดอกไม้ ธูปเทียน เวียนรอบอุโบสถ 3 รอบ เพื่อแสดงความเคารพต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นศาสดาของพุทธศาสนิกชนทั้งปวง ด้วยการเดินให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่เบื้องขวาของตน และสำรวมใจนึกถึงพระคุณของพระองค์ และเพื่อความเป็นสิริมงคล

     นอกจากนี้ พระสงฆ์ยังได้สอนหลักธรรมทางพุทธศาสนา ให้ผู้ที่มาร่วมเวียนเทียนได้เรียนรู้ด้วย.

วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) บ้านกองนาง หมู่ 1 รับการตรวจประเมินของการประกวดผลการปฏิบัติงานชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ระดับจังหวัด โดยมีเจ้าหน้าที่จากฝ่ายความมั่นคงภายใน ลงพื้นที่ให้คะแนน


     เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (21 ต.ค. 56) ที่บ้านกองนาง หมู่ที่ 1 ต.กองนาง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย คณะกรรมการตรวจประเมินหมู่บ้านและชุมชนต้นแบบ ในการรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านจังหวัดหนองคาย นำโดย พล.ต. กฤษณะ เกิดทองคำ รอง ผอ.กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จังหวัดหนองคาย ประธานคณะกรรมการ ลงพื้นที่ตรวจให้คะแนนชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ณ บ้านกองนาง หมู่ 1 ซึ่งเป็นชุด ชรบ. ตัวแทนอำเภอท่าบ่อ ส่งเข้าประกวดในระดับจังหวัด จาก 6 หมู่บ้านชายแดนที่มีภูมิลำเนาเรียบริมฝั่งแม่น้ำโขงและติดประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง สปป.ลาว โดยมีนายอนุรัฐไทยตรง นายอำเภอท่าบ่อ พร้อมส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชุด ชรบ. 17 นาย และชาวบ้าน ให้การต้อนรับ

      โดยคณะกรรมการได้เข้ารับทราบผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมา ของ ชรบ. บ้านกองนาง หมู่ 1 และเข้าตรวจประเมินผลในด้านต่างๆ เช่น การจัดระเบียบแถว การต่อสู้ด้วยท่ามือเปล่า การต่อสู้ด้วยอาวุธปืน การตู่สู้ด้วยไม้กระบอง ประกวดท่ายิงปืนลูกซอง ทั้งแบบยืน นั่งและนอน พร้อมประเมินการปฏิบัติงานจริงในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และตรวจค้นกลุ่มเป่าหมาย ค้นหาสิ่งผิดกฎหมาย เพื่อให้ ชรบ. เข้าใจในการดำเนินการป้องกันหมู่บ้าน ชุมชน ซึ่งจะสามารถเสริมสร้างและจัดระเบียบพื้นที่ตามแนวชายแดนให้มีความเข้มแข็งมั่นคงอย่างจริงจัง และเป็นการประเมินผลการปฏิบัติงานตามโครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้าน ชุมชน ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย ประจำปี 2556


      สำหรับบ้านกองนาง ได้อพยพมาจากประเทศลาว เมื่อประมาณปี 2370 โดยพระเจ้าชัยเชษฐา กษัตริย์ของประเทศลาวในสมัยนั้น ได้นำบ่าวไพร่ข้ามฝั่งมายังประเทศไทย โดยได้นำกองตาหน่าง(ตาข่าย)นำมาดักสัตว์ และไม่สะดวกที่จะนำกองตาหน่างขนย้ายไป-กลับ จึงให้บรรดาบ่าวไพร่นอนเฝ้ากองตาหน่างไว้ และพระองค์เห็นว่าเป็นทำเลดินน้ำดี จึงได้สร้างเพิงพักพิงชั่วคราวบริเวณกองตาหน่าง
     ต่อมาได้มีการอพยพมาตั้งถิ่นฐาน ตั้งรกรากหลายครอบครัว บริเวณที่เป็นที่ตั้งกองตาหน่าง จึงตั้งชื่อหมู่บ้านว่า “กองตาหน่าง” จากนั้นก็เพี้ยนมาเป็น “กองหน่าง” และ “กองนาง” ในปัจจุบัน

     

     สำหรับบ้านกองนาง หมู่ 1 ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของตำบลกองนาง มีอาณาเขตติดกับอำเภอศรีเชียงใหม่ และมีพื้นที่ติดกับแม่น้ำโขงและ สปป.ลาว มี 182 ครัวเรือน มีประชากร 936 คน เป็นชาย 432 คน หญิง 464 คน.

คณะกรรมการชุมชน ผู้นำหมู่บ้าน และผู้ประกอบการเลี้ยงปลากระชังในพื้นที่ตำบลท่าบ่อ ร่วมจัดแข่งขันเรือขนาดจิ๋ว พร้อมคืนกำไลให้กับลูกค้า นำปลากระชัง ไข่ไก่ จำหน่ายราคาถูก เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างชุมชน พร้อมร่วมกันไหลเรือไฟสืบสานประเพณีท้องถิ่น


     เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 ต.ค. 56 ที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง หลังเทศบาลเมืองท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ได้มีการจัดแข่งขันเรือพายขนาดจิ๋วภายในชุมชนในเขตพื้นที่ตำบลท่าบ่อ ประเภทไม่เกิน 9 ฝีพาย เนื่องในเทศกาลวันเข้าพรรษา ประจำปี 2556 ซึ่งเป็นการร่วมมือกันจัดขึ้นระหว่างคณะกรรมการชุมชน ผู้นำหมู่บ้าน และผู้ประกอบการเลี้ยงปลาในกระชังในพื้นที่ เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างชุมชน และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมความรักและความสามัคคี เชื่อมสัมพันธ์ไมตรี ห่างไกลยาเสพติดและปัญหาอาชญากรรม­ในพื้นที่


    พร้อมกันนี้ ผู้ประกอบการเลี้ยงปลาในกระชังนำปลานิลที่เลี้ยงไว้ มาจำหน่ายให้กับประชาชนที่เข้ามาร่วมงานในราคาถูกกว่าท้องตลาด จำนวน 3,000 ตัว โดยทำการจำหน่ายตัวละ 50 บาท ท่าซื้อขายในตลาดจะตกตัวละประมาณ 70-80 บาท ซึ่งมีประชาชนแห่เข้าแถวเตรียมรอซื้อจำนวนมาก แย่งกันซื้อเป็นการใหญ่ พร้อมยังนำไข่ไก่ขนาดกลาง จำนวน 20,100 ฟอง มาจำหน่ายในราคา 10 ฟองต่อ 30 บาท ถูกกว่าตลาด 10 บาท ทั้งนี้เพื่อคืนกำลัยให้กับลูกค้า 1 ปีมีครั้งหนึ่ง



     ตกค่ำก็ได้ร่วมกันประกอบพิธีบวงสรวงแม่น้ำคงคา บูชาพญานาคและไหลเรือไฟ เป็นการสืบสานงานประเพณี อนุรักษ์และสืบทอดวัฒนธรรมพื้นเมืองที่ดีงาม ที่ติดต่อกันมาอย่างช้านาน.

วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556

นักท่องเที่ยวปักหลักรอชมบั้งไฟพญานาคที่จังหวัดหนองคายไม่ผิดหวัง เกิดลูกไฟผุดขึ้นกลางแม่น้ำโขง ที่อำเภอรัตนวาปี และอำเภอโพนพิสัย รวม 978 ลูก

     
     เมื่อค่ำของวันที่ 19 ต.ค. 56 ตรงกับวันออกพรรษา มีประชาชนและนักท่องเที่ยวนั่งรอชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ริมฝั่งแม่น้ำโขง โดยเฉพาะที่บริเวณบ้านท่าม่วง บ้านตาลชุม และบ้านน้ำเป ต.รัตนวาปี อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย ซึ่งมีบั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี มีนักท่องเที่ยวรอชมกันอย่างเนืองแม่น
     โดยสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.หนองคาย ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลข่าวสารงานเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาค จ.หนองคาย รวบรวมสถิติการเกิดปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค โดยเมื่อเวลาประมาณ 18.14 น. ได้มีบั้งไฟพญานาคลูกแรกเกิดขึ้นติดต่อกัน 3 ลูก ที่บ้านตาลชุม ต.รัตนวาปี อ.รัตนวาปี จ.หนองคา

 
     หลังจากนั้น ก็เกิดบั้งไฟพญานาคขึ้นติดต่อกันเป็นระยะๆ จนถึงเวลาประมาณ 22.00 น. มีบั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ประกอบด้วย ที่อำเภอรัตนวาปี บ้านน้ำเป 132 ลูก อบต.บ้านต้อน 122 ลูก บ้านท่าม่วง 176 ลูก บ้านตาลชุม 136 ลูก บ้านโป่งสำราญ 194 ลูก รวมในเขตอำเภอรัตนวาปี เกิดขึ้นทั้งหมด 760 ลูก

     ส่วนในอำเภอโพนพิสัย เกิดบั้งไฟพญานาคขึ้นที่บ้านหนองกุ้งเหนือ 168 ลูก บ้านเวิน 3 ลูก อบต.จุมพล 38 ลูก วัดไทย 9 ลูก รวมในอำเภอโพนพิสัยเกิดขึ้น 218 ลูก รวมทั้ง 2 อำเภออย่างไม่เป็นทางการเกิดขึ้นแล้วกว่า 978 ลูก ขณะที่นักท่องเที่ยวหลายคนที่ได้เห็นบั้งไฟพญานาค ต่างส่งเสียงโห่ร้องยินดี และยืนยันว่าไม่ผิดหวังที่มารอชมบั้งไฟพญานาคที่จังหวัดหนองคาย

นายกรัฐมนตรีไทยและลาว ร่วมตักบาตรสองแผ่นดินแด่พระสงฆ์ 3,099 รูป ในวันออกพรรษาที่หนองคาย

    

     

     เมื่อเวลา 06.00 น. วันนี้ (19 ต.ค. 56) ที่ลานวัดโพธิ์ชัย พระอารามหลวง อ.เมือง จ.หนองคาย พระพรหมเมธี กรรมการมหาเถรสมาคม แห่งราชอาณาจักรไทย และพระอาจารย์ใหญ่ บุญมา สีมาพม รองประธานศูนย์กลางองค์การพุทธศาสนาสัมพันธ์ลาว ได้เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีประเทศไทย และ นายทองสิง ทำมะวง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ได้ร่วมกันเป็นประธานฝ่ายฆราวาส ประกอบพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ไทยและสปป.ลาว จำนวน 3,099 รูป ตามโครงการตักบาตรมิตรภาพไทย -ลาว เนื่องในเทศกาลออกพรรษา (ตักบาตรสองแผ่นดินไทย-ลาว) ที่สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมกับ สปป.ลาว จัดขึ้นเป็นครั้งแรก



     โดยเริ่มจากนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศ ได้เข้ากราบสักการะหลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปศักดิ์คู่บ้านคู่เมืองหนองคาย ซึ่งประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถวัดโพธิ์ชัย หลังจากนั้นได้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ได้กล่าวต้อนรับ และท่านทองสิง ทำมะวง นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ได้กล่าวแสดงความยินดีกับโครงการฯนี้ โดยมีประชาชนในจ.หนองคายและใกล้เคียง รวมทั้งประชาชนชาวลาวมาร่วมทำบุญจำนวนมาก

นักท่องเที่ยวแห่เข้ากราบไหว้หลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ ก่อนเดินทางไปพิสูจน์บั้งไฟพญานาคตั้งแต่ช่วงเช้า ทำให้การสัญจรในเขตเทศบาลเมืองท่าบ่อ เป็นไปอย่างคับคั่ง


     
วันนี้ ( 19 ต.ค. 56) ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เป็นวันออกพรรษา ที่วัดศรีชมภูองค์ตื้อ บ้านน้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย มีนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศจำนวนมาก นำครอบครัว บุตร หลาน เดินทางเข้ากราบไหว้หลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ ภายในวิหารวัดศรีชมภูองค์ตื้อ เพื่อเป็นสิริมงคลก่อนเดินทางไปชมปรากฏการณ์มหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ที่ยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ คือ บั้งไฟพญานาค ที่บริเวณวัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ และอ่างปลาบึก ที่ ต.ผาตั้ง อ.สังคม ทำให้บรรยากาศการเดินทางและการสัญจรภายในเขตเทศบาลเมืองท่าบ่อ เป็นไปอย่างคับคั่ง โดยเฉพาะการจราจรภายในวัดศรีชมภูองค์ตื้อ เริ่มหนาแน่นตั้งแต่เช้า ขณะที่บริเวณจำหน่ายให้เช่าบูชาเหรียญและพระเครื่องจำลองหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ วันนี้มีนักท่องเที่ยวแห่เช่าบูชาเป็นจำนวนมาก รวมถึงรูปภาพของหลวงพ่อหลวงพระเจ้าองค์ตื้อทรงพุทธกวัก ก็ขายดิบขายดีเช่นกัน



     นักท่องเทียวจากจังหวัดหนองบัวลำภู กล่าวว่า วันนี้ตนมาพร้อมครอบครัว ซึ่งยกมาทั้งบ้าน เพื่อมาชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ที่วัดหินหมากเป้ง ก็เลยแวะกราบไว้หลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ เพื่อเป็นสิริมงคลก่อนเดินทางต่อ โดยได้รู้จักองค์หลวงพ่อมานานแล้วและไม่เคยมากราบไหว้สักที ครั้งนี้เป็นครั้งแรก องค์หลวงพ่อมีความงดงามมาก นั่งดูชมกันตั้งนานและก็ถือโอกาสทำบุญถวายสังข์ทานด้วย พร้อมให้หลวงพ่อช่วยปกปักรักษาให้ครอบครัวลูกเดินทางปลอดภัย.