วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2558

คดีใช้มีดปาใส่หน้าสุนัขที่ จ.หนองคาย เป็นคดีแรกหลังจาก พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ บังคับใช้เมื่อปลายปี 57 คนทำร้ายสัตว์ถูกส่งฟ้องศาลและก็ถูกตัดสินให้มีความผิด จำคุก 1 ปี ปรับ 2,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี

     จากกรณีที่เป็นข่าวว่อนทั่วโลกโซเชียลตามสื่อต่างๆ ที่นำเสนอการกระทำต่อสุนัขอย่างทารุณ โดยสุนัขที่ถูกกระทำเป็นสุนัขเพศผู้ชื่อ ก้านกล้วย อายุ 1 ปีเศษ ของนายสายยนต์ คำภูแก้ว ชาวบ้านหมู่ 6 บ้านนาข่า ต.นาข่า อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ซึ่งเมื่อวันปีใหม่ที่ผ่านมา นางจอมศรี คำภูแก้ว ภรรยาของนายสายยนต์ฯ ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าบ่อ ว่า เจ้าก้านกล้วย ถูกนายคำดี โคตรถา ซึ่งอยู่หมู่บ้านเดียวกันและยังเป็นญาติ ใช้มีดฟันใบหน้าด้านขวาก้านกล้วยจนได้รับบาดแผลลึกฉะกัน  นางจอมศรีฯนำสุนัขไปรักษาที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอท่าบ่อ ต้องเย็บแผลถึงสามชั้นมากกว่าร้อยเข็ม จนวันที่ 5 ม.ค. ที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.ท่าบ่อ ได้เรียกตัวนายคำดี โคตรถา นำมาสอบปากคำในความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ ที่ผ่านการพิจารณาของ สนช.และมีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.57 ปีที่ผ่านมา
     นายคำดีฯให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า สุนัขจะวิ่งไปกัดไก่ของตน จึงคว้างมีดเพื่อไร้สุนัขไม่หวังจะฆ่าให้ตาย แม้ภายหลังทั้งสองฝ่ายจะไม่อยากเป็นคดีความกัน แต่คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ใหม่ที่เป็นคดีความอาญาที่จำคุกสูงสุดไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท โดยพนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ สภ.ท่าบ่อ ทำสำนวนส่งให้อัยการ และศาลจังหวัดหนองคายพิจารณาเมื่อเย็นวันที่ 6 ม.ค. 58 โดยตัดสินให้นายคำดี โคตรถา จำคุก 1 ปี ปรับ 2,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี
     ทั้งนี้ เจ้าของเจ้าก้านกล้วยเปิดเผยว่า ได้ขอเจ้าก้านกล้วยจากหลานสาวที่อำเภอบ้านผือ มาเลี้ยงตั้งแต่ยังเด็ก จนป่านนี้อายุ 1 ปีเศษ โดยมีนิสัยขี้อ้อน ชอบหยอก แต่ไม่เคยกัดไก่หรือสัตว์เลี้ยงของเพื่อนบ้าน พอเจ้าก้านกล้วยถูกทำร้ายจึงสงสารเป็นอย่างมาก เพราะร้องเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวด แต่ล่าสุดแผลของก้านกล้วยเริ่มดีขึ้น เพราะแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด
     นายนพดล ละครชัย เจ้าพนักงานสัตวบาลปฏิบัติงาน สนง.ปศุสัตว์อำเภอท่าบ่อ กล่าวว่า ตอนนี้แผลของสุนัขดีขึ้นประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ก็เลยตัดไหมออกให้หมดแต่ก็เหลือไว้สองเส้นตรงบริเวณที่มีลอยน้ำของเสียไหลออกมา คือบริเวณประมาณหางตาของสุนัข ก็จะเหลือช่องไว้เพื่อให้ของเสียงยังค้างไว้ไหลออกมา
     แม้วันนี้เจ้าก้านกล้วยมีอาการดีขึ้น มีอาการร่าเริงและหยอกล้อกับเจ้าของมากขึ้น คดีนี้จึงเป็นคดีตัวอย่างของผู้ที่กระทำการทารุณกรรมหรือทำร้ายสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนก็ตาม หากมีผู้พบเห็นและแจ้งความกับตำรวจก็จะถูกดำเนินคดีเช่นกัน.


วันพุธที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2558

หนองคาย - หนุ่ม กทม.เดินเท้า 4ภาค เทิดพระเกียรติในหลวงถึงหนองคายแล้ว ซึ่งจะพักค้างแรมที่อำเภอท่าบ่อ 1 คืน ก่อนเดินทางต่อไปยังจังหวัดเลย

     วันนี้ (7 ม.ค. 58) นายจิตติวัฒน์ เตชะรัตนยืนยง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78/6  ถ.ประชาธิปไตย แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร  กรุงเทพมหานคร ได้ตั้งใจเดินเพื่อเทอดพระเกียรติแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเริ่มออกเดินมาจาก กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 57 เวลา 9.00 น. ออกเดินเท้าไปสมุทรปราการ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย และข้ามโขงไปยังเวียงจันทน์ สปป.ลาว เดินไปยังประตูชัยและเดินทางกลับใช้เวลา 3 วันอยู่ในเวียงจันทน์
     ล่าสุดข้ามฝั่งจากเวียงจันทน์ถึงอำเภอท่าบ่อ จ.หนองคาย ช่วงเวลา 17.30 น. โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าบ่อ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมใจท่าบ่อ คอยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง และตลอดเส้นทางที่ผ่านไปที่ไหนจะมีชาวบ้านนำสิ่งของ น้ำดื่ม อาหาร และเครื่องใช้ที่จำเป็นมามอบให้  โดยมีความตั้งใจว่าจะเดินทางโดยทางเท้าให้ครบทั่วทุกภาค
     ขณะที่เดินทางเข้าสู่พื้นที่เทศบาลเมืองท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จงหนองคาย นายจิตติวัฒน์ กล่าวว่า ตนมีความตั้งใจไว้ว่าจะเดินเทิดพระเกียรติให้กับในหลวง ให้ได้ระยะไกลที่สุด ถึงที่นี่ก็คงประมาณ 1 พันกว่ากิโลเมตรได้แล้ว โดยจะพักค้างแรมที่อำเภอท่าบ่อ 1 คืน ต่อจากนั้นจะเดินไปจังหวัดเลย พิษณุโลก อุตรดิตถ์ แพร่ ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ แล้วจะลงไปยังภาคใต้ และจะเดินเท้าจากภาคใต้กลับกรุงเทพฯ บ้านเกิด ซึ่งในการเดินทางตลอดระยะเส้นทางจะมีประชาชนที่เห็นก็จะเดินมาให้กำลังใจและนำสิ่งของ น้ำดื่ม อาหารมามอบให้ ตนจะมีรถเข็นสำภาระติดตามไปด้วยเพียงลำพัง และภาพบรมฉายาลักษณ์ติดไว้ด้านท้ายรถลาก
     นายจิตติวัฒน์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ตั้งแต่เริ่มต้นผมเดินมาได้ประมาณ 1 เดือนได้ ผมตั้งใจไว้ทั้งหมดก็ประมาณ 4 เดือน น่าจะกลับถึงบ้านที่กรุงเทพช่วงก่อนสงกรานต์ ซึ่งจะเหลืออีกประมาณ 3 เดือน ก็จะขึ้นทางเหนือแล้วลงใต้ และจากใต้ก็เข้าสู่กรุงเทพฯ อันที่จริงผมต้องการเดินเทิดพระเกียรติในหลวงตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยวางแผนไว้ว่าผมอยากจะเดินไกลที่สุด ยาวที่สุด เปรียบเสมือนให้พระองค์ท่านมีอายุยิ่งยืนนาน จึงวางแผนเดินในช่วงปลายปี 57 เพื่อให้คาบเกี่ยวกับปี 58 ก็ขอให้พระองค์ทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ซึ่งผมเดินได้ไกลเท่าไหล่ก็อยากให้พระองค์มีพระชนมายุยิ่งยืนนานกว่าระยะทางที่ผมเดินไป.



หนองคาย - ชาวบ้านร้องเรียนพบผู้รับเหมาก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง ลักลอบขุดทรายในที่สาธารณะ หวั่นบ้านพักที่บริเวณใกล้เคียงจะได้รับผลกระทบได้รับความเสียหาย

     วันนี้ (7 ม.ค. 58) มีชาวบ้านร้องเรียนว่า พื้นที่ริมแม่น้ำโขงบ้านกองนาง หมู่ 11 ต.กองนาง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะได้มีผู้รับเหมาทำการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง เข้าไปลักลอบดูดทรายใกล้กับที่ดินของชาวบ้าน โดยมีการนำเครื่องจักรหนัก รถแบ็คโฮทำการขุดทราย แล้วขนใส่รถบรรทุกสิบล้อนำไปเก็บรวมกันไว้ที่ริมแม่น้ำโขง รอทำการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง หวั่นส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนในละแวกนั้นอาจเกิดการทรุดตัวลง พบว่ามีการลักลอบทำโดยไม่มีใบอนุญาต
      จากการสังเกตรอบบริเวณพื้นที่ พบทรายบริเวณดังกล่าวถูกขุดเป็นบริเวณกว้าง มีความลึกจากผิวดินตั้งแต่ 1.50 – 3.00 เมตร ห่างจากที่ดินของชาวบ้านไม่ไกลนัก ใกล้บริเวณนั้นพบกองหิน กองทราย ของบริษัทรับเหมาก่อสร้างชื่อ บริษัท สินอุดมสุรินทร์ (1990 ) จำกัด ที่ได้รับสำปะทานงานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง บ้านกองนางหมู่ 11 ต่อเนื่องจากเขื่อนเดิมด้านเหนือน้ำ ความยาว 660 เมตร กำหนดแล้วเสร็จ 30 กันยายน 2559 รวม 745 วัน
     นายอภิชาติ บุญมา อยู่บ้านเลขที่ 55 หมู่ 11 ต.กองนาง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวเมื่อก่อนผู้รับเหมาได้นำหินทรายมาจากข้างนอกโครงการฯ จนกระทั้งเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 57 ที่ผ่านมา ได้มีการเริ่มขุดทรายจากพื้นที่ที่สาธารณะด้านติดกับบ้านของชาวบ้าน โดยการขุดเป็นการขุดพื้นที่ที่ลึกมาก จึงได้มีการซักถามและทักท้วง โดยผู้รับเหมาได้กล่าวอ้างว่าได้ขออนุญาตอกรมเจ้าท่าแล้ว แต่ผมได้เช็คไปแล้วว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่สาธารณะ ไม่มีสิทธิ์เข้ามาขุดทรายในบริเวณนี้ จึงได้พยายามติดต่อไปยังกรมเจ้าท่าก็ได้รับคำตอบว่า ไม่ได้ให้อนุญาตทำการขุดทรายบริเวณดังกล่าว และเมื่อสองวันที่ผ่านมา ผมพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกรมเจ้าท่าได้ลงไปดูพื้นที่ ซึ่งก็ทราบว่าทางผู้รับเหมาได้รับอนุญาตเพียงขอปรับพื้นที่ด้านขอบของพนังเขื่อนกั้นน้ำ แต่ผู้รับเหมาได้เข้ามาทำการขุดตักเอาทรายบริเวณใกล้กับบ้านของชาวบ้าน โดยกล่าวอ้างว่า เจ้เล็กหรือจ่าเล็ก เป็นคนขอให้ช่วยจัดการเพื่อที่จะปรับพื้นที่ทำมาหากิน ซึ่งทั้งหมดนี้ทาง เจ้เล็กหรือจ่าเล็ก ไม่มีสิทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น
     นายอภิชาติ กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นกรมเจ้าท่า ได้มาเข้าไกล่เกลี่ยว่าให้ผู้รับเหมาเข้ามาปรับพื้นที่กลับเหมือนเดิม โดยให้เอาทรายที่ขุดไปกลับมาถมยังที่เดิม แต่ทรายที่ขุดไปก็ยังกองอยู่ที่เดิมยังไม่นำกลับมา โดยอ้างว่างบประมาณไม่เพียงพอในการขนกลับ ซึ่งผู้รับเหมาได้กระทำการขุดเอาทรายไปลึกมาก เกรงว่าเมื่อถึงฤดูน้ำหลากหรือฝนตกลงมาเกิดมีน้ำขัง และเมื่อน้ำลดก็กลัวว่าดินจะสไลด์ทรุกตัวและบ้านพังลงมาได้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเร่งดำเนินการให้ด้วย. 




หนองคาย - ปศุสัตว์อำเภอศรีเชียงใหม่ ส่งเสริมเกษตรกรเลี้ยงไก่ไข่และไก่พื้นเมือง ด้วยการผลิตอาหารจากวัตถุดิบในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับการตอบรับจากเกษตรกรและโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการเป็นอย่างดี จนมีสถาบันการศึกษาต่างๆ ของจังหวัดเข้าร่วมโครงการหลายโรงเรียน


     วันที่ 6 ม.ค. 57 นายศักดิ์สิทธิ์ ทิพยธร  ปศุสัตว์อำเภอศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย กล่าวว่า พื้นที่อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย มีเกษตรกรทำฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่และไก่พื้นเมืองเป็นจำนวนมาก  ซึ่งใช้ต้นทุนในการเลี้ยงสูงจากการซื้ออาหารสำเร็จรูป  ทำให้บางครั้งต้องประสบปัญหาการขาดทุน กรมปศุสัตว์ โดยสำนักงานปศุสัตว์อำเภอศรีเชียงใหม่  จึงได้มีการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรลดต้นทุน เพื่อเพิ่มรายได้ หันมาใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่นที่หาง่ายและราคาไม่แพง  นำมาเป็นอาหารสำหรับเลี้ยงไก่ แทนอาหารสำเร็จรูปที่มีราคาแพงได้เป็นอย่างดี
     โดยได้คิดค้นสูตรอาหารง่าย ๆ คือ ต้นกล้วยสับ ซึ่งเกษตรกรหาได้ง่ายๆ ในพื้นที่ ทำการสับ 30 กก. ผสมรำหยาบ  30  กก. ปลายข้าว  1  กก. เกลือ 2 ช้อนแกง น้ำตาลทรายแดงหรือน้ำอ้อย 1 กก. ขี้วัวแห้ง 4 กก. และดินแดง 2 กก.  มาผสมให้เข้ากันแล้ว หมักไว้  5 วัน จะได้เปอร์เซ็นต์โปรตีน 15.3 %  ต้นทุนอาหารสูตรนี้เฉลี่ย กก.ละ 3.32 บาท จะมีราคาถูกกว่าอาหารสำเร็จรูป สามารถลดต้นทุนในการเลี้ยงไก่ไข่และไก่พื้นเมืองได้ถึง 15%   ไก่ที่กินอาหารสูตรต้นกล้วยสับสามารถออกไข่ปกติ และมีสุขภาพแข็งแรง อัตราการตายน้อยลงและลดพาหะนำโรคด้วย
     สำหรับไข่ไก่ เปลือกจะแข็งสีสวย ไข่แดงจะสีเหลืองนวล ซึ่งได้ส่งตรวจที่สำนักตรวจคุณภาพสินค้าปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ ได้รับการรับรองมาตรฐานและปลอดสารตกค้าง เป็นอีกวิธีหนึ่งในการผลิตอาหารที่ปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค ซึ่งไข่ไก่จะขายฟองละ 6 บาท และได้มีเกษตรกรรายย่อย และรายใหญ่ ภายในจังหวัดและต่างจังหวัดได้ให้สนใจเข้าร่วมจำนวนหลายราย  โดยเกษตรกรมีความพึงพอใจที่สามารถลดต้นทุน และเพิ่มรายได้ได้จริง และได้ขยายการเลี้ยงไก่ไปยังโรงเรียนต่างๆ ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เพื่อส่งเสริมโครงการอาหารกลางวันของเด็กนักเรียน และนักเรียนได้รับประสบการณ์ตรงในการเลี้ยงไก่ไข่นำไปเลี้ยงที่บ้านได้ด้วย จนมีสถาบันการศึกษาต่างๆ ของจังหวัดเข้าร่วมโครงการหลายโรงเรียน.







วันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2558

จังหวัดหนองคาย ประชุมสรุปสถิติอุบัติเหตุและการป้องกัน 5 วัน อุบัติเหตุ 4 ครั้ง เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บ 5 คน


     วันนี้ ( 4 ม.ค.58 ) เวลา 09.00 น.ที่ห้องประชุมสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดหนองคาย นายอโณทัย  ธรรมกุล รอง ผวจ. หนองคาย เป็นประธานในการประชุมศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2558 ที่ประชุมมีการประเมินว่า วันนี้ยังคงมีการเดินทางกลับต่อเนื่องจากเมื่อวาน จึงแจ้งให้หน่วยปฏิบัติดำเนินการต่อเนื่องดังนี้ 1.ปรับแผนจุดตรวจให้บริการด้านขากลับในถนนสายหลักเน้นเรื่องความเร็ว แนวทางการชะลอความเร็ว การใช้กรวย ไฟกระพริบ ในเส้นทางที่เป็นจุดเสี่ยง 2.อำนวยความสะดวกในการเดินทางโดยรถขนส่งสาธารณะ การตรวจสภาพรถและพนักงานขับให้ปฏิบัติรามกฎหมายโดยเคร่งครัด

     สรุปอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2558 จังหวัดหนองคาย ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 57 ถึง 3 ม.ค. 57 รวมอุบัติเหตุสะสม 5 วัน มีอุบัติเหตุ  4 ครั้ง เสียชีวิต   2 คน บาดเจ็บ   5 คน

บรรดาพุทธศาสนิกชน แห่ร่วมประกอบพิธียกช่อฟ้าอุโบสถวัดศรีชมชื่น บ้านสามขา ต.กองนาง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย


      วันนี้ (4 ธ.ค. 58) ที่ วัดศรีชมชื่น บ.สามขา หมู่ 6 ต.กองนาง อ.ท่าบ่อ จงหนองคาย  ได้มีบรรดาพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก แห่ร่วมประกอบพิธียกช่อฟ้าอุโบสถวัดศรีชมชื่น โดยมีนายยุทธนา ศรีตะบุตร นายก อบจ.หนองคาย และครอบครัว ร่วมเป็นประธานในพิธี  เริ่มด้วยพิธีอัญเชิญเทวดา พิธีเจริญพระพุทธมนต์ โดยพระสงฆ์จากวัดต่างๆ ก่อนจะเริ่มพิธียกช่อฟ้า ในเวลา 10.00 น. ซึ่งทางวัดได้ทำการบูรณะขึ้นมาใหม่ เนื่องจากอุโบสถหลังเดิมมีสภาพชำรุดทรุดโทรมมาก จึงมีการรื้อถอนเพื่อสร้างขึ้นมาใหม่และยกพื้นโบสถ์สูงขึ้นเพื่อให้พ้นจากน้ำท่วมอีกด้วย จึงต้องมีการทำพิธียกช่อฟ้าใหม่

     นอกจากนี้ บรรดาพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ยังได้ร่วมทอดผ้าป่าลอยฟ้ามหาทานบารมี เพื่อเป็นการสมทบสร้างอุโบสถวัดศรีชมชื่น สืบทอดอายุแห่งบวรพระพุทธศาสนา เพื่อให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม รักษาศีล เจริญวิปัสสนากรรมฐาน และใช้เป็นสถานที่อุปสมบทพระภิกษุและสามเณรต่อไป.









วันศุกร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2558

ศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2558 จังหวัดหนองคาย ประชุมสรุปสถิติอุบัติเหตุและการป้องกัน และมอบเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ จำนวน 2 ราย


      วันนี้  (2 ม.ค. 58) ที่ห้องประชุมสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดหนองคาย นายประสงค์ คงเคารพธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานประชุม สรุปข้อมูลสะสมอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2557 ถึง 1 มกราคม 2558  ซึ่งมีอุบัติเหตุทางถนนในจังหวัดเกิดขึ้น 3 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต เพศชาย 2 คน และมีผู้บาดเจ็บ 3 คน เป็นชาย 2 คนและหญิง 1 คน
     สำหรับผู้เสียชีวิตทั้งสองราย คือ นายไชวัฒน์ เหลี่ยมสี อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121 หมู่ 11 ต.พระธาตุบังพวน อ.เมืองหนองคาย และนายพรประชา สุกรรณ์ อายุ 29 ปี อยู่ตำบลทุ่งหลวง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งทางบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ได้มอบเงินเยียวยาจำนวน 35,000 บาท ให้กับทางญาติผู้เสียชีวิตทั้งสองราย แล้ว
     ซึ่งนายประสงค์ คงเคารพธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออกตรวจดูจุดและเส้นทางหาสาเหตุจุดที่เกิดอุบัติเหตุและหาแนวทางป้องกัน ทั้งยังให้เฝ้าระวังและออกตรวจสถานที่ที่มีการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่มีการจัดเลี้ยง อีกทั้งตรวจตราเส้นทางจราจรที่เป็นจุดเสี่ยงให้มีป้ายจราจร ป้ายเตือนอย่างชัดเจน พร้อมเน้นเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เรียกตรวจผู้ขับขี่ยานพาหนะ เน้นยิ้มแย้ม ทักทาย และอำนวยความสะดวก นอกจากนั้น ให้วางแผนป้องกันอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ ให้มีเจ้าหน้าที่ อปพร.ในแต่ละชุมชมช่วยกันดูแลเฝ้าระวังจุดเสี่ยงเพิ่มขึ้น
     หรับจังหวัดหนองคาย มีจุดตรวจรวม 23 จุด รวม 9 อำเภอ มีผู้ปฏิบัติหน้าที่ 678 คน รวมเรียกตรวจยานพาหนะชนิดต่างๆ ตามมาตรการ ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2557 ถึง 1 มกราคม 2558   จำนวน 11,724  คัน ผลการดำเนินคดีตามมาตรกร 10 มาตรการ ได้แก่ ไม่สวมหมวกนิรภัย มอเตอร์ไซค์ไม่ปลอดภัย เมาสุรา ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่มีใบขับขี่ ความเร็วเกินกำหนด ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ขับรถย้อนศร แซงในที่คับขัน และใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถ รวม 636 คดี (คน) คดีที่ถูกดำเนินคดีสูงสุดคือ ไม่มีใบขับขี่ จำนวน 218 คน.