วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หนองคาย - นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แห่ชมความอลังการของพลุกลางน้ำโขง ฉลองออกพรรษาบั้งไฟพญานาค

       เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 26 ต.ค. 58 ที่บริเวณกลางแม่น้ำโขง ตลิ่งหน้าวัดลำดวน เขตเทศบาลเมืองหนองคาย นายสุชาติ นพวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานเปิดการแสดงพลุเฉลิมพระเกียรติกลางแม่น้ำโขง หนึ่งในกิจกรรมงานเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาค จังหวัดหนองคาย ประจำปี ประจำปี 2558
       สำหรับการแสดงพลุได้แบ่งออกเป็น 3 องก์ ใช้เวลาการแสดงเกือบ 1 ชั่วโมง ประกอบด้วย องก์ที่ 1 กำเนิดพญานาค องก์ที่ 2 เมืองหนองคายนครแห่งนาคา และองก์ที่ 3 ถวายพระราชกุศลแด่องค์ในหลวง ซึ่งตลอดทั้ง 3 องก์พลุดอกไม้ไฟหลากสีสัน ประกอบเพลง และแสงเลเซอร์ ทำให้ท้องฟ้าเหนือแม่น้ำโขงที่จังหวัดหนองคายสว่างไสวไปทั่วท้องฟ้า
       โดยมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจรอชมพลุในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก การจัดแสดงพลุครั้งนี้เป็นครั้งพิเศษในช่วงเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาค เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่มีการจัดกิจกรรมนี้ขึ้น จึงเรียกเสียงปรบมือจากนักท่องเที่ยวอย่างเกรียวกราว และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว.

วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หนองคาย - จังหวัดหนองคาย เปิดการแสดงแสง-เสียง เปิดตำนานบั้งไฟพญานาคอย่างอลังการ ท่ามกลางนักท่องเที่ยวเข้าชมอย่างเนื่องแน่น

       เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 25 ต.ค. 58 ที่บริเวณลานวัดศรีบุญเรือง เขตเทศบาลเมืองหนองคาย นายประสงค์ คงเคารพธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานเปิดการแสดงแสง เสียง เปิดตำนานบั้งไฟพญานาค ครั้งที่ 18 ประจำปี 2558 โดยมี นายกำภล เมืองโคตร นายกเทศมานตรีเมืองหนองคายเป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมคณะผู้บริหารเทศบาลเมืองหนองคาย สมาชิกสภาเทศบาล เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง โดยจัดการแสดงแสงเสียงเปิดตำนานบั้งไฟพญานาค ในชื่อชุด “มหาพุทธบูชา นาคะประทีป นาฎนันทการ”
       สำหรับการจัดกิจกรรมแสงเสียงฯ ครั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั่วไปทราบถึงประวัติความเป็นมาเรื่องราวความเชื่อของบั้งไฟพญานาค ปรากฏการณ์มหัศจรรย์แห่งลุ่มน้ำโขง อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดหนองคาย ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และเพื่อสืบสานประเพณีอันดีงามของจังหวัดหนองคาย
       การแสดงครั้งนี้ เป็นการแสดงครั้งที่ 18 โดยมีนักแสดง กว่า 250 คน ถ่ายทอดเรื่องราวความเชื่อที่ชาวหนองคายมีต่อบั้งไฟพญานาค ว่าเกิดจากพญานาค ซึ่งมีความศรัทธาต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้พ่นลูกไฟถวายขึ้นเป็นพุทธบูชา ในขณะที่พระพุทธเจ้าเสด็จจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อโปรดพระมารดา ในค่ำคืนวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 นอกจากนั้น ยังมีการลอยเรือไฟบูชาพญานาค กลางลำน้ำโขงด้วย และทุกๆ ปีที่ผ่านมาการแสดงชุดนี้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว และชาวหนองคายชมการแสดงอย่างคับคั่ง.

วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หนองคาย - คณะนักแสดงแสง เสียง เปิดตำนานบั้งไฟพญานาค จากชมรมนาฎศิลป์หนองคาย ประกอบพิธีไหว้ครู และบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนเปิดการแสดงช่วงเทศกาลออกพรรษา บั้งไฟพญานาค

       วันนี้ (24 ต.ค. 58) ที่ลานวัดศรีบุญเรือง เขตเทศบาลเมืองหนองคาย สถานที่จัดการแสดงแสง เสียง ตำนานบั้งไฟพญานาคนายกำภล เมืองโคตร นายกเทศมนตรีเมืองหนองคาย เป็นประธานประกอบพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนการแสดงแสงเสียงเปิดตำนานบั้งไฟพญานาคปีที่ 18 โดยมี ผู้กำกับการแสดง คณะนักแสดงจากชมรมนาฏศิลป์หนองคาย ร่วมประกอบพิธีไหว้ครูและบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในชื่อชุด มหาพุทธบูชานาคประทีป นาฎนันทการเพื่อรำลึกถึงคุณครูอาจารย์ และอำนวยอวยชัยแก่บรรดานักแสดงให้ประสบความสำเร็จ ราบรื่น ไม่มีอุปสรรค รวมทั้งสร้างขวัญ และกำลังใจแก่นักแสดงทุกคน
       การแสดงแสงสีเสียง เปิดตำนานบั้งไฟพญานาค เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวความเชื่อ ที่ชาวหนองคายมีต่อบั้งไฟพญานาค ว่าเกิดจากพญานาค ซึ่งมีความศรัทธาต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้พ่นลูกไฟถวายขึ้นเป็นพุทธบูชา  ในขณะที่พระพุทธเจ้าเสด็จจากสวรรค์ชั้นดาว­ดึงส์ เพื่อโปรดพระมารดา ในค่ำคืนวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11
       สำหรับปีนี้ จะมีการแสดงจริงในวันที่ 25-26 ตุลาคม เวลา 19.00 น. ซึ่งที่ผ่านมา การแสดงจะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวและประชาชน กันอย่างมาก.

วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หนองคาย - ผู้ประสานงานมูลนิธิชัยพัฒนา และคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำระดับชุมชน ประชุมหารือขุดลอกหนองเลิงแข้

ผู้ประสานงานมูลนิธิชัยพัฒนา และคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำระดับชุมชน บ้านหนองยางคำ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ประชุมหารือขุดลอกหนองเลิงแข้ เพื่อปรับภูมิทัศน์เพื่อเป็นสวนสุขภาพชุมชน ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวโรกาสรอบ 63 พรรษา
      วันนี้(23 ต.ค. 58) ที่วัดจำปาทอง บ้านป่าสักใต้ ต.กองนาง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย พระมหายศสรัลล์ สิริคุตฺโต, ดร. เจ้าอาวาสวัดจำปาทอง ดร.ศักดิ์พงศ์ หอมหวน ผู้ประสานงานมูลนิธิชัยพัฒนา ดร.อาทิตย์ บำรุงเอื้อ นายกสมาคมนักนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น พร้อมคณะร่วมประชุมหารือขุดลอกหนองเลิงแข้ เพื่อปรับภูมิทัศน์เพื่อเป็นสวนสุขภาพชุมชน ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวโรกาสรอบ 63 พรรษา โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นายกเทศบาลตำบลกองนาง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำระดับชุมชนบ้านหนองยางคำ หมู่ที่ 13, บ้านป่าสักใต้ หมู่ที่ 4, หมู่ที่ 9 และบ้านห้วยมาง หมู่ที่ 12 ร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียง
       นางสมหมาย  ครยก ผู้ใหญ่บ้านหนองยางคำ หมู่ 13 กล่าวว่า ประชาชนทั้ง 4 หมู่บ้าน ได้อาศัยแหล่งน้ำสำคัญ คือ “หนองเลิงแข้” บนเนื้อที่ 52 ไร่ 44 ตารางวา ซึ่งมีอาณาเขตติดกับวัดจำปาทอง บ้านหนองยางคำ เป็นแหล่งน้ำในการหล่อเลี้ยงชีวิตในการอุปโภค บริโภค การเกษตร ทำนา ทำไร่ ทำสวน ทำการประมงเพาะพันธุ์ปลาอีกด้วย
       จากสภาพความเก่าแก่อันยาวนานของแหล่งน้ำ ทำให้เกิดปัญหามีการหมักหมมของสาหร่ายวัชพืช และการทับถมของดินเกิดการตื้นเขิน เป็นปัญหาต่อการประกอบอาชีพและการดำรงชีวิตเป็นระยะเวลามายาวนาน ช่างฤดูฝนก็เกิดน้ำท่วมประกาศเป็นเขตอุทกภัย ฤดูแล้งน้ำขาดแคลนประกาศให้เป็นเขตภัยแล้งเพราะไม่มีการกักเก็บน้ำไว้ใช้ที่เพียงพอ
       มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม พร้อมท่าน ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขานุการมูลนิธิชัยพัฒนาและรองเลขาธิการ กปร. และ ดร.ลลิต ถนอมสิงห์ ผู้ช่วยเลขานุกามูลนิธิชัยพัฒนา ได้ลงพื้นที่งานวิจัยสาขาวัตกรรมเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ได้มีความคิดเห็นว่าควรให้ดำเนินการโครงการขุดลอกหนองเลิงแข้เป็นศูนย์สุขภาพชุมชน เพื่อเป็นแหล่งทัศนียภาพเชื่อมต่อศูนย์ชุมชนจริยธรรมจากอัตลักษณ์ต้นทันศรัทธาเดิม เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และตามแนวทางโครงการพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวโรกาสรอบ 63 พรรษาในโอกาสต่อไป.

วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หนองคาย - จังหวัดหนองคาย จัดพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ เนื่องในวันปิยมหาราช ประจำปี 2558 เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย

      วันนี้(23 ต.ค. 58) ที่บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 หน้าศาลากลางจังหวัดหนองคาย นายสุชาติ นพวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย นำบรรดาข้าราชการ เหล่ากาชาดหนองคาย ตุลาการ อัยการ ทหาร ตำรวจ และประชาชนทุกหมู่เหล่าร่วมประกอบพิธีถวายมาลัยกรและวางพวงมาลา ถวายราชสักการะ จุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย และถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย
       พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช(รัชกาลที่ 5 กรุงรัตนโกสินทร์) พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396 เสวยราชสมบัติ เมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 11 ขึ้น 15 ค่ำ ปีมะโรง(พ.ศ. 2411) ทรงมีพระราชกรณียกิจที่ทำให้สยามประเทศมีความเจริญรุ่งเรืองทัดเทียมอาณาประเทศ ทรงตัดสินพระราชหฤทัยเลิกทาสคืนอิสรภาพของมวลประชาสู่ความเป็นไท ทรงจัดตั้งระบบราชการที่มีความทันสมัยแบบตะวันตก ทรงพัฒนาการทหารให้มีความเจริญรุ่งเรือง สืบต่อมาจนปัจจุบันกาล และพระราชกรณียกิจอีกมากล้นเกินคณานับ กระทั่งผู้คนมักออกพระนาม พระปิยมหาราชแปลว่า มหาราชผู้ทรงเป็นที่รัก รวมสิริดำรงาชสมบัติ 42 ปี 22 วัน (23 ตุลาคม พ.ศ. 2453) รวมพระชนมายุ 58 พรรษา
       สำหรับวันปิยมหาราช ตรงกับวันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณนานัปการแก่พสกนิกรชาวไทย ทั้งการประกาศเลิกทาส การสร้างระบบไฟฟ้า การไปรษณีย์ โทรเลข โทรศัพท์ ฯลฯ ด้วยพระราชกรณียกิจที่ยังความผาสุกให้เกิดแก่ประชาชน  ทวยราษฎร์ทั้งปวงจึงน้อมใจแสดงความจงรักภักดี และรัฐบาลได้กำหนดให้วันที่ 23 ตุลาคมของทุกปี เป็น "วันปิยมหาราช" มาจนถึงปัจจุบัน

หนองคาย - อำเภอศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย จัดพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ เนื่องในวันปิยมหาราช ประจำปี 2558

       วันนี้ (23 ต.ค.58) ที่บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5  หน้าที่ว่าการอำเภอศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย นายไพฑูรย์ จิตติ์สุทธิผล นายอำเภอศรีเชียงใหม่  นำส่วนข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พ่อค้า ประชาชน และองค์กรเอกชนทุกหมู่เหล่า ร่วมประกอบพิธีถวายมาลัยกรและวางพวงมาลา ถวายราชสักการะ จุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย และถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย
       พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงปฏิบัติภารกิจด้วยพระปรีชาสามารถต่อการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า ทั้งด้านการปกครอง การบริหารราชการแผ่นดิน การศึกษา การสาธารณสุข ตลอดจนสาธารณูปการต่างๆ ทำให้ประเทศไทยมีความเจริญก้าวหน้าและรักษาความเป็นเอกราชมาได้จนถึงทุกวันนี้
       พสกนิกรชาวไทยจึงน้อมใจถวายพระราชสมัญญาว่า “พระปิยมหาราชซึ่งมีความหมายว่า มหาราชผู้ทรงเป็นที่รักของปวงชน และในปี 2453 ทางราชการได้กำหนดให้วันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวัน "ปิยมหาราชเพื่อร่วมกันน้อมรำลึกถึง พระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้.