จังหวัดหนองคาย จัดงานเทิดทูนสถาบันสำคัญของชาติ และออกหน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน ในเขตตำบลน้ำโมง อำเภอท่าบ่อ

     เวลา 09.30 น. วันนี้ (21 พ.ค. 57) ที่โรงเรียนบ้านท่าสำราญ บ้านโนนสำราญ ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย นายวิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธีเปิดงานเทิดทูนสถาบันสำคัญของชาติ และเปิดโครงการ “หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน” จังหวัดหนองคาย พร้อมมอบเงินสงเคราะห์ราษฎรผู้ประสบปัญหาทางสังคม จำนวน 10 ราย รายละ 2,000 บาท มอบทุนอุปการะเด็กยากจนเคลื่อนที่ จำนวน 10 ทุน ทุนละ 500 บาท และคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดหนองคาย ยังได้มอบถุงยังชีพแก่ประชาชนผู้ยากไร้ จำนวน 200 ชุด นอกจากนี้ นายวิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ยังได้ปลูกต้นไม้ เป็นต้นพะยูง เพื่อเป็นที่ระลึกให้แก่โรงเรียนบ้านท่าสำราญ อีกด้วย

     ในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ยังได้ร่วมประชุมร่วมกับนายอำเภอท่าบ่อ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อรับฟังบัญหาและแนวทางแก้ไขในพื้นที่ เช่น ที่ดิน ไฟฟ้า ประปา ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เป็นต้น โดยในที่ประชุมได้เสนอความต้องการให้ทางจังหวัดได้ทำการขุดลอกลำน้ำห้วยโมงมากขึ้น เพื่อขยายพื้นที่กักเก็บน้ำเพิ่มมากขึ้น ให้แก่พี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ได้มีน้ำใช้ทั้งในเรื่องอุปโภค บริโภคตลอดทั้งปี

     สำหรับโครงการ “หน่วยบริการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน” จัดขึ้น เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ จัดหน่วยบริการเคลื่อนที่ และจัดกิจกรรมตามภารกิจงานที่รับผิดชอบไปให้บริการแก่ประชาชน เช่น งานทะเบียนราษฎร, งานบริการเกี่ยวกับที่ดิน, งานให้คำปรึกษาด้านช่าง, งานให้คำปรึกษาเกี่ยวกับไฟฟ้า ประปา, งานให้ความรู้ด้านการป้องกันภัยต่างๆ, งานรับเรื่องราวร้องทุกข์, รับลงทะเบียนเกษตรกร, ตรวจซ่อมรถจักรยานยนต์, บริการตัดผม-เสริมสวย, งานนัดพบแรงงานย่อย และการตรวจสุขภาพ เป็นต้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือให้ประชาชนเข้าถึงบริการของรัฐได้สะดวก รวดเร็ว เป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในการติดต่อราชการ และลดค่าครองชีพให้กับประชาชนในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน และเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐกับประชาชนในพื้นที่ และยังเปิดให้เกษตรกรและกลุ่มผลิตสินค้าโอท็อปนำสินค้ามาจำหน่ายแก่ผู้ที่มาร่วมงานด้วย โดยมีประชาชนจากตำบลน้ำโมงและตำบลใกล้เคียงมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก. 

ตำรวจเมืองหนองคาย รวบ 2 วัยรุ่นตระเวนใช้ปืนไทยประดิษฐ์ชิงทรัพย์ เลือกเหยื่อที่เป็นหญิงทั่วหนองคาย สารภาพได้ของมีค่านำไปขายซื้อยาบ้ามาเสพ

     เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (20 พ.ค.) ที่ สภ.เมืองหนองคาย พ.ต.อ.อภิศักดิ์ กรองทิพย์ ผกก.สภ.เมืองหนองคาย พ.ต.ท.ณัฐวัฒน์ วงษ์สนิทธีรา รอง ผกก.สส.สภ.เมืองหนองคาย และ พ.ต.ต.ณัฐวุฒิ สีเสมอ สว.สส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองหนองคาย ได้ร่วมกันจับกุมนายพีรพงษ์ หรือเบส เคณาภูมิ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116 หมู่ที่ 5 ต.วัดธาตุ อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย นายพิชัย หรือเด ยางศรี อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 260 หมู่ที่ 11 ต.หาดคำ อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย

     การจับกุมครั้งนี้ได้ยึดของกลางอาวุธปืนสั้นไม่ทราบยี่ห้อ และขนาด จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 2 นัด รถจักรยานยนต์ยี่ห้อสกู๊ปปี้ สีแดง หมายเลขทะเบียน 1 กค 2683 หนองคาย ทั้งนี้ สืบเนื่องจากตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา มีชาวบ้านจำนวน 5 ราย ในเขตพื้นที่ อ.เมืองหนองคาย เดินทางมาแจ้งความว่า ได้ถูกชายวัยรุ่น 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์วิ่งราวทรัพย์โดยใช้อาวุธปืนข่มขู่เพื่อให้ได้ทรัพย์สิน หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนของ สภ.เมืองหนองคาย ได้ออกสืบสวนจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้พร้อมของกลางหลายรายการที่ผู้ต้องหาได้ไปจากการวิ่งราวทรัพย์

      โดยสอบสวนทั้งสองให้การรับสารภาพว่า นายพีรพงษ์ หรือเบส ทำหน้าที่เป็นคนขับรถจักรยานยนต์ตระเวนหาเหยื่อ โดยส่วนมากจะเน้นเหยื่อที่เป็นผู้หญิง ก่อนที่นายพิชัย หรือเด จะใช้อาวุธปืนข่มขู่ผู้เสียหายเพื่อให้ได้ทรัพย์สินมา ภายหลังได้ทรัพย์สินจะนำมาแบ่งกันก่อนนำไปซื้อยาบ้ามาเสพ

     ภายหลังจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบในข้อหาร่วมกันวิ่งราวทรัพย์โดยมี หรือใช้อาวุธปืน หรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนเข้าไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย

หนองคาย - คนลาวยังเดินทางเข้า-ออก ผ่านด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาวตามปกติ ไม่แตกตื่นกฎอัยการศึก

     วันนี้ (20 พ.ค. 57) ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 จ.หนองคาย ประชาชาชนชาวไทยและชาวลาว รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ยังเดินทางผ่านเข้า-ออกตามปกติ แม้ว่าจะทราบว่าประเทศไทยมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศแล้วก็ตาม โดยส่วนใหญ่ไม่ได้มีความหวาดกลัว ว่าจะมีเหตุรุนแรงหรือการถูกตรวจอย่างเข้มงวด

     ส่วนตรวจคนเข้าเมืองหนองคายได้นำระบบจัดเก็บข้อมูลบุคคลสำหรับหนังสือผ่านแดนเข้ามาใช้ มีการสแกนลายนิ้วมือของชาวลาวที่ใช้หนังสือผ่านแดน พร้อมกรอกประวัติเข้าในระบบฐานข้อมูล ซึ่งจะทำให้การเข้า-ออกในครั้งต่อไปสะดวกและรวดเร็วขึ้น

     ด้านเจ้าหน้าที่ศุลกากรก็มีการเอ็กซเรย์กระเป๋า และสัมภาระของผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ หากสงสัยก็จะขอตรวจค้นเพื่อความแน่ใจอีกรอบ

"ธาริต เพ็งดิษฐ์" เผย หลังยุบ ศอ.รส. ยุติบทบาทกรรมการ แต่ยังทำหน้าที่ อธิบดีดีเอสไอ ต่อไป และจะเข้าร่วมประชุม กอ.รส. ตามคำสั่ง

     นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงบทบาทต่อไป หลัง ทหารประกาศกฎอัยการศึกว่า เมื่อยุบศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ตนก็ยุติบทบาทในส่วนของกรรมการ ศอ.รส. ส่วนในฐานะเป็น อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็จะไปร่วมประชุมตามที่มีกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ กอ.รส. ตามที่มีหนังสือมาถึงตามปกติ ขั้นตอนต่อไปในการรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นความรับผิดชอบของกองทัพแล้ว

     ทั้งนี้ในส่วนของ ดีเอสไอ ก็ทำคดีเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง ตามที่ได้ดำเนินการไปปกติ ส่วนภารกิจจับกุมแกนนำ กปปส. นั้นก็จะต้องหยุดและต้องมีการหารือกับทางทหารก่อนที่จะทำอย่างไรต่อไป

สถานการณ์วิกฤติการเมืองไทยล่าสุด กองทัพ ได้สั่งให้ทุกกลุ่มชุมนุมยุติการเคลื่อนไหว

     กองทัพไทย ได้ขนกองกำลังออกมาดูแลความสงบพื้นที่สำคัญหลายแห่งในกรุงเทพ หลังประกาศกฎอัยการศึกออกมา เมื่อเช้าตรู่วันนี้ (20 พ.ค. 57) โดยผู้นำกองทัพ บอกว่า แถลงการณ์ดังกล่าวออกมาเพียงเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยทั้งนี้ยังสั่งให้กลุ่มชุมนุมทั้งหมดยุติการเคลื่อนไหว พร้อมมีคำสั่งให้สถานีโทรทัศน์หยุดทำการทั้งหมด 10 สถานี ได้แก่ 1.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม เอ็นวี 5, 2.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ดีเอ็นดี, 3.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ยูดีดี, 4.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม เอเชียอัพเดท, 5.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม พีแอนด์พี, 6.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม โฟร์ชาแนล, 7.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม บลูสกาย, 8.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม เอฟเอ็มทีวี, 9.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ทีนิวส์, 10.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม เอเอสทีวี และ สถานีวิทยุชุมชนเถื่อนนอกระบบ

อุตุฯ พยากรณ์อาการช่วงเที่ยงวันนี้ ฝั่งตะวันตกของไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือนชาวเรือเดินเรืออย่างระมัดระวัง

     อุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศทั่วไป เมื่อเวลา 10:00 น. วันนี้ (20 พ.ค. 57) ลมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันและด้านตะวันตกของประเทศไทย ทำให้ด้านตะวันตกของภาคเหนือ และภาคกลาง รวมถึงภาคใต้ฝั่งตะวันตก ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในระยะนี้ ส่วนลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนลดลง

     สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันยังคงมีกำลังปานกลาง โดยบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองจะมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดา มันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังไว้ด้วยสำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งแต่เวลา 12:00 น.วันนี้ - 12:00 น.วันพรุ่งนี้ อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีโอกาสเกิดฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ช.ม.

หนองคาย - รักษาการ รมว.มหาดไทยลงพื้นที่หนองคายพบกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เผยควรเร่งเลือกตั้งให้ประชาชนตัดสินใจ ฝากทหารออกแถลงการณ์คล้ายข่มขู่ประชาชน พร้อมให้จับตาอีกไม่นานประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเหมือนปี 2549

     วันที่ 16 พ.ค. 57 ที่หอประชุมประจักษ์ศิลปาคม ศูนย์ราชการจังหวัดหนองคาย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางมาตรวจติดตามการทำงานตามนโยบายรัฐบาล พร้อมพูดคุยกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในสังกัดกระทรวงมหาดไทย โดยมี ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทยให้การต้อนรับ

     นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า บ้านเมืองไทยกำลังเข้าสู่จุดที่น่าห่วงที่สุด สถานการณ์เริ่มจะรุนแรงและบานปลาย ทางออกที่ดีสุดคือจัดให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว ให้ประชาชนได้ตัดสินใจเลือกนายกรัฐมนตรีด้วยตนเอง การเรียกร้องของกลุ่ม กปปส.รวมถึงนักวิชาการบางคนที่ต้องการให้มีนายกรัฐมนตรีคนกลาง รวมถึงทางออกที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เสนอ ไม่มีทางเป็นไปได้และไม่เป็นประชาธิปไตย พรรคประชาธิปัตย์กลัวแพ้เลือกตั้งจึงไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง

     ส่วนการที่กองทัพออกแถลงการณ์เมื่อเร็วๆ นี้ คนที่อ่านหนังสือออกจะรู้ว่าเป็นการข่มขู่ ตนขอฝากไปถึงทหารว่าอย่ามาขู่ให้คนกลัวว่า จะมีการปราบปรามด้วยกำลัง มีความรุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งตนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น และขอให้จับตา อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้สถานการณ์จะย้อนกลับไปซ้ำรอย 19 ก.ย. 2549 หรืออาจจะมากกว่านั้นก็เป็นได้ เมื่อมีการพยายามไม่ให้เกิดการเลือกตั้ง

     ส่วนการที่ตนออกมาพูดเช่นนี้เพราะเป็นห่วงบ้านเมือง จะอยู่เฉยไม่ได้แล้ว ต้องลุกขึ้นมาขจัดความอยุติธรรมที่เกิดจากการบังคับใช้กฎหมายที่นำสู่ความไม่สงบในบ้านเมือง