เกษตรกรชาวบ้านหนองแวง
ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ได้รวมกลุ่มจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน มัจฉาโอชาบ้านหนองแวง
โดยการแปรรูปผลิตภัณฑ์ประเภทปลาหล้าหมัก และแจ่วปลาหล้าเป็นสินค้า OTOP ประจำตำบล แต่ปัจจุบันปลาได้หายากขึ้นและมีราคาแพง ทางกลุ่มมัจฉาโอชาบ้านหนองแวง
จึงหันมาปลูกผักก้านจอง หรือที่รู้จักในชื่อผักพาย ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างมาก
ทำให้เกษตรกรมีรายได้เลี้ยงครอบครัวเดือนละกว่า 10,000 บาท และยังปลูกพืชอีกหลายชนิดผสมผสาน
มีรายได้เพิ่มเฉลี่ยกว่า 100,000 บาท/ปี
และยังเป็นสินค้านำส่งไปจำหน่ายยังห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองหนองคายอีกด้วย
นางสุดใจ แวงคำ
ประธานกลุ่มมัจฉาโอชาบ้านหนองแวง กล่าวว่า เดิมทีทางกลุ่มจะแปรรูปผลิตภัณฑ์ประเภทปลา
มาทำเป็นหล้าหมัก และแจ่วปลาหล้า ให้เป็นสินค้า OTOP
ประจำตำบล ปัจจุบันปลาก็เริ่มหายากขึ้น
ต้องสั่งปลามาทำเป็นปลาล้าจากภาคกลาง ซึ่งก็มีราคาแพง
ทางกลุ่มและสมาชิกจึงคิดทำเกษตรแนวใหม่ โดยทำแปลงนาปลูกข้าวส่วนหนึ่ง และสร้างฝายคันดินเพื่อกักเก็บน้ำทำการเกษตรปลูกพืชผักที่มีอายุสั้นขาย
หรือใช้บ่อปลาของตนเองเป็นแปลงปลูกผักก้านจอง เพื่อให้สมาชิกมีรายได้เสริมหลังจากทำนาข้าว
โดยเฉพาะการปลูกผักก้านจอง หรือผักพายที่ชาวบ้านนิยมกินกับส้มตำ ขนมจีน ลาบ หรือก้อย
ซึ่งใช้เวลาปลูกแค่ 1 เดือน ก็เก็บขายได้ สมาชิกจะทำการปลูกผักก้านจองครอบครัวละไม่กี่งาน
พลัดเปลี่ยนกันเก็บไปขาย ปรากฏว่าได้รับความนิยมอย่างมาก
โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองหนองคาย ยังต้องสั่งไปจำหน่ายให้กับลูกค้าของห้างอีกด้วย
ซึ่งนอกจากจะปลูกผักก้านจองเพื่อจำหน่ายแล้ว
ยังมีการปลูกพืชอีกหลายชนิดผสมผสานกันไป ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผักสวนครัวและผักพื้นบ้าน
เช่น ชะอม ผักบุ้ง ผักชะพลู ผักกระโดน ผักกะแยง หรือแม้กระทั้งหญ้ารีแพ เป็นต้น มีรายได้เฉลี่ย
1,500 บาท/วัน หากรวมรายได้จากพืชผักที่ขายอยู่ตอนนี้เกือบ 10,000 บาท/สัปดาห์ หรือกว่า
100,000 บาท/ปี
ซึ่งแต่ละปีนั้นทางกลุ่มจะมีเงินบันผลรายได้ให้กับสมาชิกใช้ได้อย่างเพียงพอด้วย.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น