นายสุชาติ นพวรรณ
ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักชลประทาน จังหวัดหนองคาย
นายอนุรัฐ ไทยตรง นายอำเภอท่าบ่อ นายสาคร ธิวะโต รองนายก อบต.ท่าบ่อ ส่วนราชการอำเภอท่าบ่อ
เจ้าหน้าที่ อบต.ท่าบ่อ ลงพื้นที่สำรวจแหล่งน้ำ “หนองหัวเรือ”
บริเวณวัดนาโพธิ์ บ้านนาโพธิ์ หมู่ที่ 1 ต.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ
จ.หนองคาย ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสาธารณะขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ตำบลท่าบ่อ
และตำบลน้ำโมง กว่า 1,000 ไร่ แต่มีสภาพตื้นเขินไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ หลังจากที่
นายลำดวล ทูลธรรม ผู้ใหญ่บ้านนาโพธิ์ หมู่ที่ 1 พร้อมชาวบ้าน
ได้ยื่นเรื่องถวายฎีกาไปยังสำนักราชเลขา เพื่อของบในโครงการพระราชดำริ
มาทำการขุดลอกแหล่งน้ำดังกล่าว เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำแล้งให้กับชาวบ้านและเกษตรกร เพื่อรักษาที่สาธารณะประโยชน์ไม่ให้ราษฎรบุคลุก
นายลำดวล ทูลธรรม ผู้ใหญ่บ้านนาโพธิ์ หมู่ที่ 1 กล่าวว่า หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านทำอาชีพการเกษตร
เช่น ปลูกข้าว พืชผักและเลี้ยงสัตว์ โดยมีพื้นที่ทำการเกษตรประมาณ 1,500 ไร่ ซึ่งอยู่ติดกับหนองหัวเรือ
และเมื่อปี 2555 จังหวัดหนองคายได้มาทำการขุดลอกหนองหัวเรือบางส่วน
แต่พื้นที่ที่ขุดไม่อยู่ในบริเวณที่สามารถนำน้ำมาใช้ประโยชน์ได้ ไม่สามารถซับน้ำได้เพียงพอตามความต้องการ
พื้นที่ทำการเกษตรจึงไม่มีน้ำปลูกพืชเป็นอาชีพ จากที่เคยมีน้ำใช้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์
ตอนนี้เหลือเพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ ต้องขอใช้น้ำจากกรมชลประทานบางส่วนที่มีคลองส่งน้ำผ่านมาในพื้นที่
แต่ก็ยังไม่เพียงพอและทำให้ประสบปัญหา ทางองค์การบริหารส่วนตำบลท่าบ่อก็ไม่มีงบประมาณในการขุดลอก
เพื่อกักเก็บน้ำให้ชาวบ้านและเกษตรกรได้ใช้ประโยชน์ จึงได้ยื่นเรื่องถวายฎีกาไปยังสำนักราชเลขา
และหากได้รับพระราชทานโครงการ เนื้อที่ 80 ไร่ ชาวบ้านในตำบลท่าบ่อ
5 หมู่บ้าน 712 ครัวเรือน กว่า 2,700
คน และชาวบ้านในตำบลน้ำโมง 4 หมู่บ้าน 360 ครัวเรือน กว่า 1,500 คน ก็จะได้ประโยชน์มีน้ำในการทำการเกษตร
และปลูกพืชเป็นอาชีพเสริมได้ตลอดทั้งปี ซึ่งจะทำให้ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
นายสุชาติ นพวรรณ
ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า เบื้องต้นได้ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจพื้นที่ในการขุดลอกให้ชัดเจนว่ามีพื้นที่เท่าไหล่กี่ไร่
ที่จะทำการขุดลอกจริง พร้อมทั้งหาแนวทางในการดำเนินการแก้ไขปัญหาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
และทำรายงานต่อสำนักราชเลขา เพื่อกราบบังคมทูลถวายฏีกาไปยังสำนักราชวัง หากโครงการขุดลอกแล้วเสร็จ
ชาวบ้านและเกษตรกรก็จะสามารถทำนา และปลูกพืชผักเป็นอาชีพเสริมได้ตลอดทั้งปี
ซึ่งจะทำให้ชาวบ้านมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น