วันนี้ (23 ธ.ค. 57) ที่ หอประชุมอำเภอสังคม
จังหวัดหนองคาย นายอโณทัย ธรรมกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย
พร้อมด้วยนายแพทย์วิวรรธน์ ก่อวิริยกมล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย นายสำเริง
สำราญรมณ์ ปลัดอาวุโส (รักษาราชการแทนนายอำเภอสังคม) นายสมชาย หนุ่มขุนทด
สาธารณะสุขอำเภอสังคม นายแพทย์บรรจบ อุบลแสน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสังคม ร่วมกันแถลงข่าวกิจกรรมรณรงค์การควบคุมป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง “สังคมรักษ์หัว...ใจ”
นายอโณทัย ธรรมกุล
รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า จังหวัดหนองคาย พยายามที่จะสร้างแคมเปญในการรณรงค์เรื่องโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองตลอดทั้งปี
เพื่อจะเพิ่มการรับรู้ไปยังประชาชนในจังหวัดได้ทั่วถึง ดังนี้
โรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองมีผลต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชน โรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองสามารถป้องกันรักษาและฟื้นฟูผู้ที่ป่วยเป็นโรคแล้วได้ ให้บุคลากรสาธารณสุขและสาธารณชนตระหนักรู้และใส่ใจเพื่อแก้ปัญหาอย่างจริงจัง โดยมีมาตรการ/แนวทางการรณรงค์
การสร้างการขับเคลื่อนและถ่ายทอดความรู้ไปสู่การปฏิบัติในระบบบริการ โดยการสร้างความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
จากทุกภาคส่วนและจากทุกองค์กร ให้มุ่งเน้นการป้องกันและลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง
ภายใต้สโลแกน “สุขภาพที่ดี
เริ่มต้นที่บ้าน สุขภาพที่ดี เริ่มต้นที่ชุมชนน่าอยู่” และสถานบริการสาธารณสุขต้องจัดให้มีหน่วยงานที่ดูแลสุขภาพอย่างเป็นระบบและครอบคลุมในทุกระดับ
ทั้งในบุคคล ครอบครัว รวมถึงผู้ดูแลผู้ป่วย ในส่วนโรงพยาบาลทั่วไป
โรงพยาบาลชุมชนต้องมีความพร้อมรับ ดูแล รักษาอย่างเป็นระบบ มีคุณภาพมาตรฐาน
มีมุมดูแลผู้ป่วยโดยเฉพาะ
ด้านนายแพทย์วิวรรธน์ ก่อวิริยกมล
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขในช่วง
พ.ศ.2556-2557 ประเทศไทยพบอัตราตายด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดต่อประชาชนแสนคนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ในปี พ.ศ.2556 มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือด
จำนวน 54,530 คน เฉลี่ยเสียชีวิตวันละ 150 คน หรือเฉลี่ยชั่วโมงละ 6 คน และยังพบผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
33,307 ราย
ซึ่งในจำนวนนี้เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันแบบรุนแรงถึง 11,024 ราย มีอัตราการตายสูงถึงร้อยละ 17 สูงกว่าต่างประเทศซึ่งมีอัตราตายร้อยละ
7 หรือกว่า 2 เท่าตัว
นายแพทย์วิวรรธน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุของโรคกลุ่มนี้เกิดจากวิถีชีวิตและพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม
ได้แก่ การรับประทานที่มากเกินพอดี ไม่สมดุล รับประทานอาหารที่มีรสหวาน มัน เค็ม
รับประทานผักผลไม้น้อย ใช้เครื่องอำนวยความสะดวกมากขึ้น มีกิจกรรมทางกายน้อยลง ไม่ออกกำลังกาย
เครียด และพักผ่อนไม่เพียงพอ ประกอบกับการสูบบุหรี่ และการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพดังกล่าว ส่งผลให้เกิดภาวะน้ำหนักเกิน อ้วน
ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน และนำไปสู่การเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น